ทีเซลส์จัดงาน “TCELS Day” เปิดสุดยอดงานวิจัยระดับโลก นักวิชาการเผยข้อมูลมหันตภัยโลกร้อน ไทยติดอันดับประเทศเสี่ยงวิกฤตโลกร้อนรุนแรง 1 ใน 6 ประเทศ มั่นใจอีก 25-30 ปี น้ำท่วม กทม.ครั้งใหญ่แน่ แนะสร้างเขื่อนตั้งแต่ ชะอำถึงฉะเชิงเทรา แถมขาดแคลนน้ำจืด เกิดปัญหาแย่งชิงทรัพยากร พร้อมชูครีมหน้าขาวจากยางพารา ผลิต 5,000 ตลับ แจกผู้ร่วมงาน ตรวจยีนหาความเสี่ยงโรคร้าย และยีนแพ้ยาต้านไวรัสเอดส์
วันนี้ (21 พ.ค.) นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (TCELS) แถลงข่าวการจัดงาน TCELS Day ว่า งานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Life Sciences Life Quality” : ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ ในวันที่ 28-30 พ.ค.2551 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยการรวบรวบผลงานเด่นๆ จากโครงการต่างๆ รูปแบบของการจัดงานแบ่งเป็นส่วนของการแสดนิทรรศการ นำเสนอผลงานในรูปของผลิตภัณฑ์ งานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ เพื่อแสดงความสนใจและให้เกิดความเข้าใจงานด้านชีววิทยาศาสตร์
“ภายในงานจะมีการนำครีมหน้าขาวจากยางพารา โดยจะผลิตจำนวน 5,000 ตลับ มาแจกให้กับประชาชนที่เข้าร่วมงาน โดยไม่ได้ผลิตเพื่อจำหน่าย เป็นการพิสูจน์ด้วยตนเอง ว่า ครีมยางพาราที่ผลิตได้เป็นประเทศแรกในโลก จดลิขสิทธิ์แล้วในประเทศไทย และอีกหลายประเทศ มีประสิทธิภาพน่าสนใจ โดยจะเปิดตัวเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางที่มีความสนใจ ผลิตในระดับอุตสาหกรรมต่อไป” นพ.ธงชัย กล่าว
นอกจากนั้น ยังมีการบริการตรวจเลือด, ยีน, โครโมโซม เพื่อหาความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ อาทิ มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ยีนแพ้ยาคุมกำเนิด ยีนแพ้ยาต้านไวรัสเอดส์ เช็กสัญญาณความชรา และรับสิทธิพิเศษในการเข้าโปรแกรมตรวจร่างกายแบบยาอายุวัฒน์ ทดลองโปรแกรมเสริมความงามด้วยคลื่นวิทยุด้วยเทคโนโลยีของคนไทย เพื่อลดความเหี่ยวย่นบนใบหน้า เป็นต้น
ดร.วิเชียร กีรตินิจการ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อาจารย์คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจะบรรยายเรื่องประเทศไทยกับมหันตภัยโลกร้อน ในงานวันที่ 30 พ.ค.นี้ เปิดเผยว่า สัญญาณเตือนโลกร้อนมีมาก่อนหน้า 2-3 ปี แล้วไม่ว่าจะเป็น คลื่นความร้อนทำให้ชาวยุโรปเสียชีวิตกว่า 30,000 คน และอินเดียเสียชีวิตกว่า 1,500 คน ออสเตรเลียประสบปัญหาแล้งหลายปี ติดต่อกัน ส่งผลให้ธัญพืช เช่น ข้าวและข้าวสาลีมีราคาแพงทั่วโลก ปากีสถานมีอุณหภูมิสูงทำลายสถิติที่ 52ºC ในช่วงย้อนหลัง 50 ปี พบว่าทั่วโลกมีฝนตกจำนวนมากขึ้น น้ำท่วมรุนแรงในจีนและอินเดีย พายุต่างๆ เช่น เฮอริเคน ไซโคลน ไต้ฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดมาก คือ เฮอริเคนแคทรินา หรือแม้แต่การเกิดพายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งพายุที่เกิดขึ้นจะเพิ่มความรุนแรง จากระดับ 2-3 เป็นระดับ 4 และ 5 รวมถึงการเกิดฟ้าผ่าบ่อยขึ้นทำให้เกิดไฟป่าก็เป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
“ขณะที่ประเทศไทย ยังไม่มีแผนงานเพื่อรับมือภัยโลกร้อนอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงติด 1 ใน 6 ที่จะได้รับผลกระทบจากโลกร้อน ซึ่งไม่เกิน 25-30 ปี นักวิทยาศาสตร์ คาดว่า จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งมโหฬารอย่างแน่นอน จึงเสนอในการสร้างเขื่อนป้องกันตั้งแต่ชะอำถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงต้องมีการวิเคราะห์ด้านการลงทุนก่อสร้างรถไปฟ้าใต้ดิน หรือโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ เพื่อรับผลกระทบโลกร้อน ซึ่งขณะนี้ไม่มีการคิดคำนวณเรื่องโลกร้อนเข้าไปด้วยเลย”ดร.วิเชียร กล่าว
ดร.วิเชียร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในอนาคตอาจตจะเกิดปัญหามากมายตามมา โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด การปลูกข้าว พืชผลทางการเกษตร ซึ่งประเทศไทยอาจต้องหาวิธีทางในการเก็บแหล่งน้ำจืดไว้ให้ได้ และทดลองปลูกข้าวที่มีความทนต่อสภาพอากาศมากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งอาจเกิดการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างดุเดือนรุนแรง ก่อให้เกิดสงครามได้
วันนี้ (21 พ.ค.) นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ ผู้อำนวยการศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย (TCELS) แถลงข่าวการจัดงาน TCELS Day ว่า งานนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Life Sciences Life Quality” : ชีววิทยาศาสตร์ ชีวิตคุณภาพ ในวันที่ 28-30 พ.ค.2551 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยการรวบรวบผลงานเด่นๆ จากโครงการต่างๆ รูปแบบของการจัดงานแบ่งเป็นส่วนของการแสดนิทรรศการ นำเสนอผลงานในรูปของผลิตภัณฑ์ งานวิจัยที่ประสบความสำเร็จ เพื่อแสดงความสนใจและให้เกิดความเข้าใจงานด้านชีววิทยาศาสตร์
“ภายในงานจะมีการนำครีมหน้าขาวจากยางพารา โดยจะผลิตจำนวน 5,000 ตลับ มาแจกให้กับประชาชนที่เข้าร่วมงาน โดยไม่ได้ผลิตเพื่อจำหน่าย เป็นการพิสูจน์ด้วยตนเอง ว่า ครีมยางพาราที่ผลิตได้เป็นประเทศแรกในโลก จดลิขสิทธิ์แล้วในประเทศไทย และอีกหลายประเทศ มีประสิทธิภาพน่าสนใจ โดยจะเปิดตัวเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางที่มีความสนใจ ผลิตในระดับอุตสาหกรรมต่อไป” นพ.ธงชัย กล่าว
นอกจากนั้น ยังมีการบริการตรวจเลือด, ยีน, โครโมโซม เพื่อหาความเสี่ยงในการเป็นโรคต่างๆ อาทิ มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ยีนแพ้ยาคุมกำเนิด ยีนแพ้ยาต้านไวรัสเอดส์ เช็กสัญญาณความชรา และรับสิทธิพิเศษในการเข้าโปรแกรมตรวจร่างกายแบบยาอายุวัฒน์ ทดลองโปรแกรมเสริมความงามด้วยคลื่นวิทยุด้วยเทคโนโลยีของคนไทย เพื่อลดความเหี่ยวย่นบนใบหน้า เป็นต้น
ดร.วิเชียร กีรตินิจการ กรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อาจารย์คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งจะบรรยายเรื่องประเทศไทยกับมหันตภัยโลกร้อน ในงานวันที่ 30 พ.ค.นี้ เปิดเผยว่า สัญญาณเตือนโลกร้อนมีมาก่อนหน้า 2-3 ปี แล้วไม่ว่าจะเป็น คลื่นความร้อนทำให้ชาวยุโรปเสียชีวิตกว่า 30,000 คน และอินเดียเสียชีวิตกว่า 1,500 คน ออสเตรเลียประสบปัญหาแล้งหลายปี ติดต่อกัน ส่งผลให้ธัญพืช เช่น ข้าวและข้าวสาลีมีราคาแพงทั่วโลก ปากีสถานมีอุณหภูมิสูงทำลายสถิติที่ 52ºC ในช่วงย้อนหลัง 50 ปี พบว่าทั่วโลกมีฝนตกจำนวนมากขึ้น น้ำท่วมรุนแรงในจีนและอินเดีย พายุต่างๆ เช่น เฮอริเคน ไซโคลน ไต้ฝุ่นมีความรุนแรงมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดมาก คือ เฮอริเคนแคทรินา หรือแม้แต่การเกิดพายุไซโคลนนาร์กีส ซึ่งพายุที่เกิดขึ้นจะเพิ่มความรุนแรง จากระดับ 2-3 เป็นระดับ 4 และ 5 รวมถึงการเกิดฟ้าผ่าบ่อยขึ้นทำให้เกิดไฟป่าก็เป็นผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
“ขณะที่ประเทศไทย ยังไม่มีแผนงานเพื่อรับมือภัยโลกร้อนอย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงติด 1 ใน 6 ที่จะได้รับผลกระทบจากโลกร้อน ซึ่งไม่เกิน 25-30 ปี นักวิทยาศาสตร์ คาดว่า จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ ครั้งมโหฬารอย่างแน่นอน จึงเสนอในการสร้างเขื่อนป้องกันตั้งแต่ชะอำถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมถึงต้องมีการวิเคราะห์ด้านการลงทุนก่อสร้างรถไปฟ้าใต้ดิน หรือโครงการขนาดใหญ่อื่นๆ เพื่อรับผลกระทบโลกร้อน ซึ่งขณะนี้ไม่มีการคิดคำนวณเรื่องโลกร้อนเข้าไปด้วยเลย”ดร.วิเชียร กล่าว
ดร.วิเชียร กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในอนาคตอาจตจะเกิดปัญหามากมายตามมา โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำจืด การปลูกข้าว พืชผลทางการเกษตร ซึ่งประเทศไทยอาจต้องหาวิธีทางในการเก็บแหล่งน้ำจืดไว้ให้ได้ และทดลองปลูกข้าวที่มีความทนต่อสภาพอากาศมากยิ่งขึ้นด้วย อีกทั้งอาจเกิดการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างดุเดือนรุนแรง ก่อให้เกิดสงครามได้
