xs
xsm
sm
md
lg

พระสงฆ์สุขภาพย่ำแย่ กินยาแก้ปวดครั้งละ 6 เม็ด ดื่มกาแฟ 8 แก้ว/วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุขภาพพระสงฆ์น่าห่วง วิจัยพบพระบางรูปทานยาแก้ปวดครั้งละ 6 เม็ด ดื่มกาแฟวันละ 8 แก้ว ฉันอาหารไร้ประโยชน์ ทั้งหวานจัด เค็มจัด มันจัด พระภิกษุเผยไม่สามารถเลือกได้ ฉันตามญาติโยมถวาย เรียกร้องให้ชาวพุทธเปลี่ยนแนวคิดการทำบุญ ตักบาตรด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ

ภาพจากอินเทอร์เน็ต
นายสุวัฒสัน รักขันโท อาจารย์ประจำ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย เปิดเผยว่า หลังจากได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องพฤติกรรมดูแลสุขภาพตนเองของพระภิกษุในเขตภาคใต้ตอนบน หนึ่งในโครงการที่ได้รับทุนจากแผนสนับสนุนโครงการเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม (สำนัก 6) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า การทำบุญของพุทธศาสนิกชนไทย มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพของพระภิกษุ และยังพบด้วยว่า พระสงฆ์ร้อยละ 26-38 มีพฤติกรรมการเสพสิ่งเสพติดหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาทิ พระสงฆ์มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ยังคงสูบบุหรี่ บางรูปรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตตามอลครั้งละ 6 เม็ด ดื่มกาแฟวันละ 8 ถ้วย และดื่มเครื่องดื่มชูกำลังเกินกว่า 2 ขวดต่อวันด้วย

นายสุวัฒสัน กล่าวด้วยว่า สิ่งที่น่ากังวลอีกประการหนึ่ง คือพระสงฆ์ส่วนใหญ่ดื่มน้ำสะอาดไม่ถึงวันละ 6 แก้ว ฉันภัตตาหารที่มีรสจัด หวานจัด มีแป้งและไขมันสูง ทำให้มีอัตราการเจ็บป่วยสูงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังออกกำลังกายน้อย ส่วนใหญ่เป็นการออกกำลังกายตามกิจวัตรของพระสงฆ์เท่านั้น

“การอยู่ในสมณะเพศ อาจจะไม่เหมาะที่จะออกกำลังกายเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่ถ้าทำตามกิจวัตรของพระ ก็จะช่วยได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเคยชินกับกิจวัตรประเภท เช้าเอน เพลนอน ฉันบ่าย” นายสุวัฒสัน กล่าว

ด้าน พระมหาขนบ สหายปัญฺโญ พระอาจารย์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ตามพระธรรมวินัยแล้ว พระสงฆ์ไม่สามารถเลือกรับการถวายจากพุทธศาสนิกชนได้ แต่เลือกฉันได้ ดังนั้นการฉันอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย จึงขึ้นอยู่กับพระสงฆ์แต่รูปมากกว่า ว่าคำนึงถึงสุขภาพตนเองมากน้อยเพียงใด

“โยมต้องเข้าใจนะ ว่าพระมีอยู่มากมายและยังมีอีกไม่น้อยที่ยังคงสูบบุหรี่ และดื่มกาแฟค่อนข้างมาก แต่ทุกรูปก็ทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรดี หรือไม่ดีต่อร่างกาย ครั้นจะให้เปลี่ยนแปลง พระก็ยังคงมีฐิติอยู่ คงต้องค่อยเป็นค่อยไป อาจจะต้องเริ่มที่โยมใกล้ชิดกับพระก่อน จากนั้นก็ต้องแลกเปลี่ยนกันทั้งสองฝ่าย ว่าการทำบุญอย่างไรถึงจะเหมาะสม” พระมหาขนบ กล่าว

ส่วน นพ.อำนาจ ศรีรัตนบรรณ กรรมการแผนสนับสนุนโครงการเปิดรับทั่วไปและนวัตกรรม สำนัก 6 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การที่พระสงฆ์ฉันอาหารประเภทรสจัดทั้งหลาย จะเป็นบ่อเกิดของโรคมากมาย เช่น อาหารหวานจัด เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือดสูง เป็นต้น ถ้ารับประทานอาหารเค็มจัด อาจจะเป็นสาเหตุของโรคไต โรคความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ โรคหัวใจ และอาการผื่นแดงคันตามร่างกายที่บางครั้งเกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ส่วนอาหารมันจัด ถ้ารับประทานอย่างต่อเนื่องจะเสี่ยงต่อคลอเรสเตอรอลสูง ขณะเดียวในเพศชายอาจจะเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งที่ต่อมลูกหมากด้วย

นพ.อำนาจ กล่าวอีกว่า ขอเสนอถ้าไม่อยากเห็นพระภิกษุเจ็บป่วยมากยิ่งขึ้น ชาวพุทธทุกๆ คนต้องร่วมมือกัน อาจจะเริ่มจากแกนนำหลัก 3 ฝ่ายในชุมชน คือวัด โรงเรียน และชาวบ้าน ตั้งกลุ่มขึ้นมา ร่วมมือกันว่า ต่อไปนี้จะใส่บาตรแต่ของที่มีประโยชน์ต่อพระสงฆ์ ไม่ใส่บาตรอาหารที่มีมันจัด เค็มจัด และหวานจัด แต่จะเน้นไปที่อาหารเพื่อสุขภาพ มีผักมากๆ เพื่อสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับพระสงฆ์

“ของดีๆ ตามความเชื่อของชาวพุทธน่าจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และไม่เกิดโทษกับผู้อื่น ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนทัศนคติในการทำบุญเสียใหม่ ว่าถ้าการทำบุญดีต่อตัวเอง บุญนั้นต้องดีกับพระด้วย” นพ.อำนาจ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น