xs
xsm
sm
md
lg

“หมอภิรมย์” รับตำแหน่งอธิการฯ ประกาศนำจุฬาฯ ติด 1 ใน 60 ม.ชั้นนำของโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมอภิรมย์” รับตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมนำจุฬาฯ เป็นปัญญาของแผ่นดิน ช่วยแก้ปัญหาของชาติ และชี้นำสังคมไปในทางที่ถูกต้อง ชี้การเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐตาม พ.ร.บ.จุฬาฯ คือโอกาสในการพัฒนาให้จุฬาฯ เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก

เมื่อเวลา 10.00 .น.วันที่ 31 มีนาคม ห้อง 111 อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดพิธีอธิการบดีปติประทานการ โดย ศ.คุณหญิงสุชาดา กีระนันท์ ส่งมอบตำแหน่งอธิการบดีจุฬาฯ แก่ ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาฯ คนใหม่ โดย ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวในพิธีอธิการบดีปติประทานการว่า ระยะเวลา 4 ปีจากนี้ จะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญยิ่งของจุฬาฯ อันเป็นผลจาก พ.ร.บ.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ.2551 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 7 กุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป ซึ่งชาวจุฬาฯ ทุกคนต้องมองการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ให้เป็นโอกาสที่จะพัฒนาจุฬาฯ อย่างก้าวกระโดดขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก พร้อมจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 100 แห่งการสถาปนาอย่างเต็มภาคภูมิ

“เราจำเป็นต้องระดมพลังศรัทธาของชาวจุฬาฯ ทั้งศิษย์เก่า และศิษย์ปัจจุบันให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อช่วยกันทำให้จุฬาฯ ดำรงความเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของประเทศ เป็นปัญญาแห่งแผ่นดิน โดยทำให้สังคมมั่นใจว่า เมื่อใดก็ตามที่สังคมมีปัญหา ประเทศชาติต้องการความช่วยเหลือจุฬาฯ จะสวมบทบาทเชิงรุกเพื่อร่วมแก้ปัญหานั้นๆ ทุกคนจะนึกถึงจุฬาฯ เป็นอันดับแรก จุฬาฯ ต้องสามารถเป็นเสาหลักของแผ่นดิน มีบทบาทชี้นำ รวมทั้งเตือนสติสังคมให้เกิดความถูกต้องและเป็นธรรม ธำรงภาพลักษณ์และเกียรติภูมิของจุฬาฯ ในการรับใช้สังคมและประเทศชาติ”

ศ.นพ.ภิรมย์ กล่าวอีกว่า ตนอยากทำให้บ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น ความสามัคคี มีศรัทธา และไว้วางใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน มีความปรองดองแม้จะมีความแตกต่างด้านความคิด ซึ่งตนจะทำให้เป็นบ้านที่อบอุ่นของคนดีและคนเก่ง ด้วยการจัดระบบสวัสดิการ และระบบพัฒนาบุคลากรทุกระดับอย่างครบวงจร เพื่อให้สามารถธำรงคนดีและรักษาคนเก่งที่พร้อมอุทิศแรงกายแรงใจให้กับจุฬาฯ สำหรับวิสัยทัศน์และเป้าประสงค์ของคณะผู้บริหารในช่วง 4 ปีข้างหน้า จะมุ่งไปสู่จุดหมาย “จุฬาฯ คือปัญญาแห่งแผ่นดิน” โดยมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน ได้แก่ ก้าวหน้า เข้มแข็ง ยอมรับ เกื้อกูล มั่นคง และเป็นสุข โดยจะใช้หลักการทำงานร่วมกันบนความเสมอภาค คุณธรรมควบคู่กับความเป็นเลิศ มาตรฐานและคุณภาพระดับนานาชาติ การนำความรู้สู่สังคม ความรับผิดชอบต่อรัฐ และสังคมประสิทธิภาพปละประสิทธิผลในการบริหารที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และการบริหารงานโดยบุคลากรมีส่วนร่วม

ศ.นพ.ภิรมย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีอธิการบดีปติประทานการว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหาหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการเมือง ซึ่งจุฬาฯ ในฐานะสถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะและสาขาวิชาที่เปิดสอนอยู่ครอบคลุม ตนจึงเห็นว่าจุฬาฯ น่าจะนำเอาประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศมาสังเคราะห์ เพื่อหาทางแก้ไข ปัญหาด้วยวิชาการ มิใช่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก เพื่อเป็นมหาวิทยาลัยที่เป็นปัญญาแห่งแผ่นดินอย่างแท้จริง ซึ่งสถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศ อาทิ ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ต้องมีการศึกษาก่อนแก้ปัญหา รวมไปถึงความขัดแย้งในสังคมด้านอื่นๆ โดยปัญหาของประเทศชาติบางเรื่อง จุฬาฯ อาจจะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาได้ทันที แต่บางเรื่องก็อาจจะต้องใช้เวลา ทั้งนี้ การแสดงบทบาทหรือความคิดเห็นของ จุฬาฯ เป็นไปได้ทั้งในนามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในนามบุคคลในฐานะนักวิชาการ ซึ่งเราถือเป็นเสรีภาพของแต่ละบุคคล และเคารพในสิทธิเสรีภาพนั้น

ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาอาจารย์ในจุฬาฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ภายหลังการเปลี่ยนสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐแล้ว การเคลื่อนไหวของนักวิชาการในจุฬาฯ ยังคงสามารถทำได้อยู่หรือไม่ อธิการบดีจุฬาฯ กล่าวว่า สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของอาจารย์ในจุฬาฯ ยังคงมีอยู่เช่นเดิม แต่ก็ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ไม่แตกต่างจากตอนเป็นข้าราชการ

“ส่วนการแสดงบทบาทของจุฬาฯ ในการแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเมืองนั้น ผมถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก หากจุฬาฯ จะแสดงความคิดเห็นเรื่องใด จะต้องอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการ จะไม่ใช้อารมณ์และความรู้สึกในการแสดงความคิดเห็น”

นอกจากนี้ ศ.นพ.ภิรมย์ ได้ตั้งเป้าว่า จะนำพาจุฬาฯ ให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก โดยในระยะเวลา 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดี จุฬาฯ จะต้องอยู่ในอันดับ 1 ใน 60 มหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ซึ่งในปี 2550 จุฬาฯ อยู่ในอันดับที่ 233 จากการจัดอันดับของ The Time Higher

กำลังโหลดความคิดเห็น