สพฐ.เต้นโรงเรียนเรียกเก็บค่าใช้จ่าย สั่ง สพท.สำรวจว่าโรงเรียนแห่งไหน “เก็บ-ไม่เก็บ” หากเก็บให้แจงว่าเป็นค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ส่วนการนำผลโอเน็ต 3 ปีมาจัดอันดับโรงเรียน พบเหมือนเดิม ชี้ครูไม่ได้พัฒนา
นายสมเกียรติ ชอบผล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มีหนังสือไปยังสำนักงานงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ สั่งให้สำรวจข้อมูลว่ายังมีโรงเรียนเรียกเก็บและไม่เก็บค่าใช้จ่ายจากผู้ปกครอง และถ้าเรียกเก็บให้ลงไปในรายละเอียดด้วยว่าค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บในรายการใดบ้าง แล้ววันที่ 26-28 พฤษภาคม จะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้มาหาข้อสรุปว่ามีจำนวนเท่าไหร่
“ภายหลังที่รวบรวมข้อมูลเรียบร้อย ถ้ายังพบว่ามีโรงเรียนเรียกเก็บเงินถึงร้อยละ 60 สพฐ.จะต้องมาหาวิธีการดำเนินการให้กับโรงเรียนเพื่อให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายน้อยลง หากข้อมูลพบว่ามีโรงเรียนเรียกเก็บเงินร้อยละ 20 ถือปกติซึ่งพอรับได้”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า โรงเรียนประถมส่วนใหญ่ไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มอยู่แล้ว ยกเว้นโรงเรียนบางแห่งที่มีการจัดโครงการพิเศษ อย่างเช่น English Program ฉะนั้นจะต้องแยกระหว่างค่าใช้จ่ายโครงการพิเศษ กับค่าเล่าเรียนปกติอออกจากกัน เพราะที่ผ่านมาผู้ปกครองมักจะเหมารวมหมดเพราะถือว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษา
จากนั้น นายสมเกียรติ กล่าวถึงผลการจัดอันดับโรงเรียนจากคะแนนโอเน็ตของสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ หรือ สทศ.ได้มีการเปรียบเทียบผลคะแนนย้อนหลัง 3 ปี ออกมาว่าผลคะแนนดังกล่าวไม่มีความแตกต่างกันมาก สะท้อนให้เห็นว่าโรงเรียนหรือครูโดยรวมไม่มีการนำคะแนนไปพัฒนาการเรียนการสอนให้ดีขึ้น โดยนายสมเกียรติกล่าวว่า ในทางสถิติค่าเฉลี่ยต้องถูกดึงลงไม่มีทางเพิ่มขึ้นอย่างวูบวาบ ทั้งนี้ มองว่า การนำผลคะแนนใดๆ ไปใช้ในการพัฒนาโรงเรียนคงต้องใช้ระยะเวลาอย่างน้อยอีก 3 ปี จึงจะเห็นผลการพัฒนาที่ชัดเจน อีกทั้งเมื่อมีผลประเมินจากหน่วยงานใดออกมา สพฐ.ก็จะดูไม่ได้นิ่งนอนใจ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ผลคะแนนส่วนหนึ่งเกิดจากการรับนักเรียน สมัยก่อนจะรับเด็กทุกคน แต่ปัจจุบันนี้โรงเรียนเปลี่ยนมาใช้วิธีสอบคัดเลือกก็อาจจะมีส่วนทำให้ผลการจัดอันดับออกมาว่าโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ และโรงเรียนขนาดใหญ่มีผลประเมินออกมาอยู่ในระดับดี กว่าโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลาง เนื่องจากความพร้อมทางด้านต่างๆ มีไม่เท่ากัน
