ศธ.เผยโรงเรียนประถม มัธยม อาชีวะ ขาดแคลนส้วม 70,000 ห้อง เร่งของบสร้าง 100 ล้านบาท จับมือลงนามร่วม สธ.พัฒนามาตรฐานส้วมในวิทยาลัยอาชีวะ 404 แห่งทั่วประเทศให้ได้มาตรฐาน สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย พร้อมเร่งเผยแพร่ความรู้สุขภาพอนามัยตรงสู่คนพันธุ์อาร์ กว่า 6 แสนคน พร้อมจัดประกวดสุดยอดส้วมแห่งปีเป็นปีที่ 4 ต่อ เชิญชวนประชาชนส่งภาพถ่ายส้วมที่ประทับใจ
วันนี้ (30 เม.ย.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายพงศกร อรรณนพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระหว่างกรมอนามัย สธ. กับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ศธ. เพื่อส่งเสริมการพัฒนาส้วมสาธารณะให้สะอาด ปลอดภัยและมีปริมาณเพียงพอต่อจำนวนผู้ใช้ ซึ่งจะส่งผลให้สุขอนามัยของนักเรียนอาชีวศึกษาดีขึ้น โดย นายวัน อยู่บำรุง ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะมิสเตอร์ แฮปปี้ ทอยเล็ต ไม่สามารถมาร่วมงานได้เนื่องจากป่วยเป็นไข้หวัด
นายพงศกร กล่าวว่า ความร่วมมือพัฒนาส้วมของวิทยาลัยอาชีวศึกษาครั้งนี้ มีเป้าหมายดำเนินการส้วมที่อยู่ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ทั้งรัฐและเอกชนทั่วประเทศ 404 แห่ง ให้ได้มาตรฐานสากลคือ “สะอาด เพียงพอ และปลอดภัย” ทุกแห่งภายในปี 2551 นี้ โดยกรมอนามัยจะถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีเกี่ยวกับมาตรฐานส้วมสาธารณะ ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขนิสัยและพฤติกรรมการใช้ส้วมแก่วิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่ง ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจะสนับสนุนการออกแบบส้วมมาตรฐานและงบประมาณสร้างส้วม ซึ่งจะมีการถ่ายทอดเรื่องส้วมมาตรฐาน ในกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ของนักเรียนอาชีวศึกษาในโครงการบริการสังคม ชุมชนต่างๆ ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาเช่น โครงการวัด มัสยิด โบสถ์คริสต์ วิทยาลัย และโครงการศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน ซึ่งได้รับการสนับสนุนปูนซีเมนต์สำหรับใช้ในการก่อสร้างจากบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง
“ขณะนี้ ศธ.มีปัญหาขาดแคลนส้วมในโรงเรียนชั้นประถมศึกษา มัธยมศึกษา และโรงเรียนอาชีวศึกษา จำนวน 70,000 ห้อง รวมส้วม 10,000 หลัง โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะโรงเรียนชั้นประถมศึกษาที่ยังต้องใช้ส้วมร่วมกันระหว่างเด็กนักเรียนชายและหญิง โดย ศธ.ได้เสนอของบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อนำมาก่อสร้างห้องส้วมให้เพียงพอ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เป็นผู้ออกแบบห้อมส้วมมาตรฐาน โดยใช้วัสดุท้องถิ่นให้เหมาะสมกับพื้นที่ เช่น กะลามะพร้าว ไม้ยางพารา เป็นต้น”นายพงศกร กล่าว
นายพงศกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ส้วมที่ถูกสุขอนามัย ตลอดจนสร้างสุขนิสัยและพฤติกรรมการใช้ส้วม ส่งเสริมสุขภาพนักเรียนอาชีวศึกษาหรือที่เรียกว่า คนพันธุ์อาร์ 689,252 คน และประชาชนอื่นๆ ให้ถูกต้อง ผ่านทางระบบเครือข่ายสื่อสารมวลชนอาร์ เรดิโอ (R-Radio) ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อปลูกฝังพื้นฐานการมีสุขภาพอนามัยที่ดี ไม่เจ็บป่วยจากโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ ซึ่งเป็นโรคพื้นฐานและเป็นดัชนีสะท้อนถึงความสะอาดของสุขาภิบาลส้วม-น้ำสะอาดของประเทศไทย โดยให้วิทยาลัยอาชีวศึกษาจังหวัดชุมพร ตากและสิงห์บุรี เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาส้วมสาธารณะสำหรับหน่วยงาน ชุมชน กลุ่มประชาคมต่างๆ ในแต่ละจังหวัด
นายชวรัตน์ กล่าวว่า สำหรับผลการพัฒนาส้วมสาธารณะในปี 2550 มีส้วมสาธารณะผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ 20 และสร้างความพึงพอใจแก่ประชาชนร้อยละ 40 ในปี 2551 ตั้งเป้าพัฒนาส้วมสาธารณะให้ได้มาตรฐานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 60 โดยเฉพาะในโรงพยาบาล สถานีอนามัย และหน่วยงานในสังกัด สธ. ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ให้ผ่านมาตรฐานร้อยละ 90 เนื่องจากเป็นสถานบริการผู้เจ็บป่วย ต้องเคร่งครัดในเรื่องนี้มากเป็นพิเศษ โดยกรมอนามัยจะถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีเกี่ยวกับมาตรฐานส้วมสาธารณะ ให้ความรู้เกี่ยวกับสุขนิสัยและพฤติกรรมการใช้ส้วมแก่วิทยาลัยอาชีวศึกษาทุกแห่ง
ด้านนพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในปี 2551 กรมอนามัยตั้งเป้าหมายพัฒนาส้วมทั้งหมด 12 ประเภท ได้แก่ 1.แหล่งท่องเที่ยว 2.ร้านอาหาร 3.ตลาดสด 4.สถานีรถโดยสาร ท่าเรือและสนามบิน 5.ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส 6.โรงเรียน สถานศึกษา 7.โรงพยาบาล 8.สถานที่ราชการ 9.สวนสาธารณะ 10.ศาสนสถาน 11.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และ 12.ส้วมสาธารณะในความรับผิดชอบขององค์กรท้องถิ่น ให้ได้มาตรฐานสะอาด เพียงพอและปลอดภัย ไม่มีกลิ่นเหม็นให้ได้ร้อยละ 60 ของแต่ละสถานที่ และเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาส้วมสาธารณะ
กรมอนามัยได้จัดประกวดสุดยอดส้วมแห่งปี 2551 ต่อเนื่อง โดยผู้ที่สนใจให้ส่งภาพถ่ายส้วมที่ประทับใจ พร้อมระบุชื่อสถานที่ มาที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข หรือสอบถามรายละเอียดทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-4128 จะประกาศผลในเดือนธันวาคม 2551 ส้วมที่ชนะเลิศจะได้รับการประกาศเชิดชูเกียรติ และประชาสัมพันธ์ทางสื่อมวลชน สร้างชื่อเสียงหน่วยงานต่อไป