“อภิรักษ์” ผุดข้าวแกงราคาประหยัดช่วยผู้มีรายได้น้อยทั่วกรุง

“อภิรักษ์” ผุดโปรเจกต์ช่วยชาวกรุงยุคข้าวของแพง ค่าแรงน้อย เปิดขายข้าวแกงราคาประหยัด 15-20 บาท กระจายทั่วกรุง เริ่ม 12 พ.ค.นี้ พร้อมตั้ง “ศูนย์เกื้อกูลผู้ประกอบการรายย่อย” อบรม “การอยู่รอดของธุรกิจในภาวะวิกฤต” และเตรียมขายสินค้าราคาถูกทุก ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ใน 50 เขต เริ่ม 9 พ.ค.2551

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะผู้บริหาร กทม.ว่า จากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าครองชีพประชาชนเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและเศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤต โดยรายได้ของประชาชนไม่เพียงพอ ทำให้เป็นหนี้สิน เกิดความเครียดจากการใช้จ่าย กทม.จึงออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและประชาชน โดยมีพันธมิตรจากหน่วยงานเอกชน องค์กรต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัว เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในทุกรูปแบบ โดยจัดตั้ง “ศูนย์เกื้อกูลผู้ประกอบการรายย่อย” มีที่ปรึกษาพันธมิตร ประกอบด้วย นักวิชาการ อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ ดูแลเป็นพี่เลี้ยง เพื่อให้สามารถบริหารจัดการเงินของตนเองและครอบครัวให้ผ่านพ้นภาวะวิกฤตเศรษฐกิจได้ จัดกิจกรรมให้ความช่วยเหลือและเป็นพี่เลี้ยง ฝึกอบรม “การอยู่รอดของธุรกิจในภาวะวิกฤต” เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความรู้และแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ส่วนด้านประชาชนจะให้ศูนย์บริหารเงินออมของ กทม.จัดกิจกรรมให้ความช่วยเหลือ แนะนำ ให้บริหารการเงินของตนเองและครอบครัว พร้อมจัดทำเอกสาร “การดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในภาวะวิกฤต” แจกจ่ายให้ประชาชนใน กทม.เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต นอกจากนี้ กทม.จะสนับสนุนเงินยืมสะสมในการกู้เงิน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในชุมชนนั้น ใช้ “กองทุนเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเพิ่มเงินกองทุน 50 ล้านบาท ให้ผู้ประกอบการยืมไปบริหารจัดการ ส่วนผู้ประกอบการทั่วไปจะจัดประชุมร่วมกับภาคการเงินการธนาคารจัดตั้ง “ศูนย์เกื้อกูลเพื่อการบริหารเงินทุนในการประกอบการในภาวะวิกฤต” ในสถาบันการเงินเพื่อปล่อยเงินกู้ ส่วนประชาชนทั่วไปจะจัดสรรเงินทุน 50 ล้านบาท ที่ประสบปัญหาเดือดร้อนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข และเป็นผู้ประสบปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือในเขต กทม.จะให้การสงเคราะห์เป็นเงินทุนไปประกอบอาชีพ

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการลดรายจ่ายครัวเรือน มาตรการลดค่าครองชีพนั้น จะขอความร่วมมือจากสถานประกอบการและราชการในการจัดระบบ Car Pool ช่วยเหลือบุคลากรของตนเอง ประสานผู้ประกอบการขนส่งจัดทำตั๋วรายเดือนในราคาพิเศษ ระยะเวลา 3 เดือน และจัดทำคู่มือเส้นทางลัด ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง กทม.จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ จากผู้ปกครองในโรงเรียนสังกัด กทม.ซึ่งเป็นไปตามโครงการ “เรียนฟรี เรียนดี อย่างมีคุณภาพ” พร้อมประสานผู้ประกอบการสินค้าเกี่ยวกับการเรียนให้จัดทำเป็นสินค้าพิเศษราคาถูก เช่น ชุดนักเรียน ตำราเรียน สมุด อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น

นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ กทม.จะจัดตลาดนัดสินค้าราคาประหยัด ร่วมกับโครงการธงฟ้าของกระทรวงพาณิชย์ ในวันที่ 9 พ.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจัดเฉพาะวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ในแต่ละเขต โดยจัดในพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งมาตรการช่วยเหลืออย่างเป็นรูปธรรมนั้น จะนัดประชุมผู้เกี่ยวข้องในวันที่ 6 พ.ค.นี้ เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชน อาทิ มาตรการผ่อนผันชำระภาษี การขอความร่วมมือระบบขนส่งมวลชนจัดทำตั๋วรายเดือนหรือคูปองพิเศษสำหรับนักเรียน รวมถึงประสานผู้ประกอบการหาสินค้าทดแทนเข้าสู่ตลาด ลดภาระค่าใช้จ่ายผู้ประกอบการให้เหลือต้นทุนที่แท้จริง พร้อมจัดหาช่องทางจำหน่ายกระจายไปทั่วพื้นที่ ในสำนักงานเขต ตลาด กทม.โรงเรียนในสังกัด กทม.และชุมชน ส่วนในห้างสรรพสินค้าจะประสานให้จัดมุมเท่าทุน และชั่วโมงเท่าทุนเพื่อขายสินค้าราคาถูกแก่ประชาชน ขณะเดียวกันยังจัดตั้งร้าน “ข้าวแกง กทม.” เพื่อขายข้าวแกงราคาถูกจานละ 15-20 บาท กระจายไปยังพื้นที่ทั้ง 50 เขต ด้วย