xs
xsm
sm
md
lg

ผลิตยาขับเหล็กแสนเม็ด อภ.ช่วยผู้ป่วยธาลัสซีเมีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผอ.อภ.เผย อภ.ยื่นจดทะเบียนตำรับยายาขับธาตุเหล็ก Deferiprone กับ อย.แล้ว  เอกสารหลักฐานทั้งหมดผ่านการตรวจสอบไปได้ด้วยดี คาดผลิตสำหรับผู้ป่วยธาลัสซีเมียได้ทันที เริ่มหลังสงกรานต์นี้  โดยจะผลิตจำนวน 100,000 เม็ด เป็นโครงการพิเศษเพื่อบริจาคให้กับมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย

 
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงความคืบหน้ายาขับธาตุเหล็กชนิดรับประทาน (Deferiprone) หรือ L1 ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อภ.ได้ยื่นจดทะเบียนตำรับยาดังกล่าวกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งผลปรากฏว่า เอกสารหลักฐานทั้งหมดผ่านการตรวจสอบไปได้ด้วยดี และหลังจากมีการขึ้นทะเบียนตำรับยาอย่างเป็นทางการ อภ.สามารถที่จะเริ่มดำเนินการผลิตยา L1 สำหรับผู้ป่วยธาลัสซีเมียได้ทันที คาดว่า จะผลิตได้ในเดือน เม.ย.หลังเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยจะผลิตจำนวน 100,000 เม็ด เป็นโครงการพิเศษเพื่อบริจาคให้กับมูลนิธิโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียแห่งประเทศไทย

สำหรับยา L1 ผลชีวสมมูล พบว่า มีประสิทธิภาพในการรักษาเทียบเท่ายาต้นแบบ แต่มีราคาถูกกว่ายาต้นตำรับที่นำเข้าจากต่างประเทศมาก ราคาเม็ดละ 60 บาท ส่วนที่ผลิตในอินเดียเม็ดละ 30 บาท แต่ยาขับเหล็กที่ อภ.ผลิตได้มีราคาเพียงเม็ดละ 3.50 บาท ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับจำนวนยาที่ผลิตด้วย

นพ.วิทิต กล่าวต่อว่า ยาขับเหล็กชนิดนี้ ในปัจจุบันมีผู้ผลิตไม่มาก ดังนั้น จะพยายามนำข้อมูลความรู้ที่มีอยู่ทั้งหมดเผยแพร่อย่างกว้างขวางให้กับผู้ที่เข้าร่วมประชุมงานวันผู้ป่วยธาลัสซีเมียโลก ครั้งที่ 7 ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ ส่วนในเดือน ต.ค.นี้ จะมีการประชุมสัมมนาวิชาการ โรคโลหิตวิทยา ระดับโลก โดยจะวางแผนทางการตลาดให้ยาที่ อภ.ผลิตได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อผลิตแล้วนำไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ส่วนราคานั้นยังไม่ได้กำหนด แต่อาจต้องสูงกว่าที่จำหน่ายในประเทศ เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอื่นๆ ด้วย

อนึ่ง จากข้อมูลขณะนี้ มีผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียที่ต้องรับยาขับเหล็กอยู่ 80,000 ราย มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 10,000-15,000 บาทต่อคนต่อเดือน เมื่อคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายในภาพรวมแล้ว จะต้องนำเข้ายาถึง 1,000-1,500 ล้านบาทต่อคนต่อปี ถือเป็นจำนวนที่มาก แต่เมื่อ อภ.ผลิตยาเองจะช่วยประหยัดงบประมาณได้มาก ลดเหลือเพียง 200 ล้านบาทต่อปี
กำลังโหลดความคิดเห็น