ปลัด กทม.สั่งทุกเขตตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าว่ารับซื้อสมบัติของชาติหรือไม่ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยปัจจุบันเมืองกรุงมีร้านรับซื้อของเก่าถึง 765 รายกระจายใน 50 เขต
นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) และคณะลงพื้นที่มอบนโยบายและตรวจสอบร้านรับซื้อของเก่าพื้นที่เขตบางซื่อ พร้อมกล่าวว่า จากสถิติปี 2549 พบว่ามีกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทการสะสมวัตถุหรือสิ่งของที่ชำรุดใช้แล้วหรือเหลือใช้ในกทม.จำนวน 754 ราย และเพิ่มขึ้นเป็น 765 รายในปีต่อมา ซึ่งการประกอบกิจการดังกล่าวเป็นการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และต้องขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขที่จะต้องควบคุม ดูแล การประกอบกิจการ เพื่อควบคุมป้องกันไม่ให้ของเสียหรือมลพิษที่เกิดจากกระบวนการ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ประกอบการ พนักงาน รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง
ทั้งนี้ การพิจารณาอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขจะพิจารณาในด้านสุขลักษณะเป็นหลักประกอบกับการพิจารณาตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องด้วย อาทิเช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร กฎหมายว่าด้วยการผังเมือง เป็นต้น นอกจากนี้สถานประกอบการฯ ยังต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ ด้วย เช่น กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการ ขายทอดตลาดและค้าของเก่า เป็นต้น
ปลัด กทม.กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ปัจจุบันยังมีการลักลอบนำทรัพยสินของทางราชการไปจำหน่าย เช่น นอตเสาไฟฟ้า ฝาท่อระบายน้ำ ป้ายบอกทาง ทำให้สถานประกอบการดังกล่าวเป็นสถานที่ล่อแหลมต่อการกระทำผิด โดยเป็นสถานที่รับของจากบรรดามิจฉาชีพที่ลักลอบขโมยทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งผู้บริหาร กทม.มีความห่วงใยเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
ดังนั้น จึงสั่งการให้ทุกสำนักงานเขตเข้มงวดในการสำรวจ ตรวจสอบสถานประกอบการรับซื้อของเก่าในพื้นที่โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันพร้อมประสานกับสถานีตำรวจนครบาลท้องที่ หากพบผู้กระทำผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป ซึ่งในการลงตรวจพื้นที่ครั้งนี้ก็ได้มอบนโยบายแก่สถานประกอบการ 2 แห่ง คือ บริษัท ไทยโลหะสแตนเลส จำกัด และร้านล้อเรื่องชัย โดยนอกจากการมอบนโยบายแล้วยังได้ขอความร่วมมือสถานประกอบการในการพิจารณาซื้อวัสดุต่างๆ โดยเฉพาะทรัพย์สินสาธารณะของราชการด้วย