“อภิรักษ์” ยืนยันเล่นการเมืองต่อ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะลงสนามใหญ่-เล็ก พร้อมระบุ “อภิสิทธิ์” จะเป็นผู้นำประเทศที่ดีที่สุด เผยไม่กังวลใจคดีจะถูกแทรกแซง เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตน ขณะที่รักษาการแทนผู้ว่าฯกทม.เผยไม่กังวลใจที่เข้ามารับตำแหน่งนี้ เพราะเชื่อทุกฝ่ายทำงานร่วมกันดี และย้ำ ผอ.ทั้ง 50 เขต เร่งรัดโครงการของอภิรักษ์ ให้แล้วเสร็จ โดยจะรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ ส่วนรองผู้ว่าฯ บรรณโศภิษฐ์ เผย อภิรักษ์อยากให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงอนาคตทางการเมืองของตัวเอง ว่า ตั้งแต่ตัดสินใจลงเล่นการเมืองในสนามเล็กเข้าลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ก็ถือว่าได้เลือกเส้นทางนี้แล้ว และตอนนี้ก็ยังยืนยันว่าในระยะยาวยังต้องการทำงานด้านการเมือง แต่จะมีโอกาสหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมที่ตนถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แจ้งข้อกล่าวหาในคดีทุจริตโครงการจัดซื้อรถ-เรือ และอุปกรณ์ดับเพลิงของ กทม.ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงเล่นการเมืองในสนามใหญ่หรือสนามเล็ก
ส่วนที่มีหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนมีรัศมีเทียบเท่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ขอยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ จะเป็นผู้นำของประเทศได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รู้สึกกังวลใจว่าการเปลี่ยนรัฐบาลจาก พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มาเป็นรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน จะมีผลต่อรูปคดี เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธ์ของตัวเองและกระบวนการยุติธรรม ส่วนการพัฒนากทม.นั้นได้มีการวางกรอบแนวทางในระยะยาวอยู่แล้วจึงไม่น่าจะมีปัญหา
ด้านนายวัลลภ สุวรรณดี รักษาการผู้ว่าฯกทม.ได้ปฏิบัติภารกิจแรกคือการเปิดโครงการฝึกอบรมหลักสูตรการบริหารงานเขตที่โรงแรมรามาการ์เดนท์ โดยมีผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ นายวัลลภ ได้บรรยายพิเศษเรื่องการบริหารงาน กทม.โดยให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง รวมทั้งได้เน้นย้ำให้ผู้อำนวยการเขตเร่งรัดโครงการต่างๆ ตามนโยบายของนายอภิรักษ์ และร่วมกันขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จตามเป้าที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ก่อนการบรรยายพิเศษ รักษาการผู้ว่าฯ กทม.ได้กล่าวชื้แจงด้วยว่าการยุติบทบาทของนายอภิรักษ์ นั้น เป็นการยุติบทบาทชั่วคราว เพื่อความโปร่งใสและเป็นบรรทัดฐานต่อสังคมหลังถูกคตส.ชี้แจงข้อกล่าวในคดีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง
รักษาการผู้ว่าฯ กทม.กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำงานร่วมกับรองผู้ว่าฯ กทม.คนอื่นๆ นั้นจะไม่มีการแบ่งงานในส่วนของรองผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ โดยจะมีการประชุมคณะผู้บริหารฝ่ายการเมืองเช่นเดิมเป็นประจำทุกวันจันทร์ ซึ่งนับจากวันจันทร์นี้ตนก็จะนั่งเป็นประธานการประชุม อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการรักษาการแทนในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.นั้นตนมีอำนาจในการอนุมัติโครงการต่างๆซึ่งก็จะดำเนินการไปอย่างไม่สะดุด ซึ่งตนไม่รู้สึกกังวลใจในการรับหน้าที่ดังกล่าวเพราะเชื่อว่าทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายประจำทำงานร่วมกันมาโดยตลอด สามารถขับเคลื่อนงานให้สำเร็จตามเป้าได้ ซึ่งตนจะรายงานให้ นายอภิรักษ์ ทราบเป็นระยะ
นายวัลลภ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ตนยังดูแลโครงการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงอยู่ ในฐานะประธานบริหารโครงการเช่นเดิม ทั้งนี้ ไม่ได้มีการมอบหมายงานให้ใครมาดูแลแทน ส่วนที่คณะอนุกรรมการ คตส.ระบุว่า สัญญาการจัดซื้อเป็นโมฆะนั้นในชั้นนี้ กทม.ก็ยังไม่สามารถเรียกเงินที่ได้ชำระให้บริษัทสไตเออร์ฯ คู่สัญญาที่ได้ชำระไปจำนวน 3 งวดคืนได้เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุดอีกทั้งในสัญญามีการระบุไว้ว่าหากเกิดกรณีขัดแย้งจะต้องมีการพิจารณาโดยอนุญาโตตุลาการ สำหรับเงินงวดที่ 4 จะต้องพิจารณาอีกครั้งว่ากทม.จะมีการชำระเงินต่อหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการตรวจรับรถที่ส่งมาแล้วทั้ง 2 ล็อตแต่อย่างใด
ส่วนนางบรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า รักษาการผู้ว่าฯ กทม.ไม่ได้มีการแบ่งงานของรองผู้ว่าฯใหม่ ทุกคนยังรับผิดชอบหน่วยงานเดิมที่นายอภิรักษ์ ได้มอบหมายให้ ซึ่งการทำงานร่วมกับนายวัลลภ ซึ่งนั่งตำแหน่งรักษาการผู้ว่าฯกทม.แทนนายอภิรักษ์ นั้นในการทำงานร่วมกันก็ไม่มีปัญหาเพราะเหมือนกับรักษาราชการแทนเวลาที่ผู้ว่าฯไปปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ รองผู้ว่าฯ ทุกคนร่วมงานกันดี และถึงแม้จะไม่มีนายอภิรักษ์ แล้วงานทุกอย่างก็จะเดินหน้าต่อไม่มีสะดุด ซึ่งในส่วนที่ตนรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมนั้นก็จะดำเนินโครงการตามนโยบายที่ได้วางไว้เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงคุณค่าและมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนซึ่งผู้ว่าฯอภิรักษ์ อยากให้ทุกฝ่าย ทุกส่วนช่วยกันดำเนินการ