กทม.เตรียมเรียกเงินจากสไตเออร์ฯ คืนหากสัญญาจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง เป็นโมฆะ ขณะที่การตรวจสอบบิ๊ก กทม.ต้องดำเนินการทางลับเปิดเผยไม่ได้ เพราะเกี่ยวกับจริยธรรมและสิทธิส่วนบุคคล
จากที่มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้สรุปผลการสอบสวนโดยให้สัญญาการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ของ กทม.เป็นโมฆะ ทั้งในส่วนของเอโอยู หรือบันทึกตกลงความเข้าใจ และสัญญาการซื้อขายรถดับเพลิง มีลักษณะการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งในจุดเริ่มต้น รวมถึงการดำเนินการจึงเห็นสมควรให้สัญญาเหล่านี้เป็นโมฆะ นั้น
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง กทม.ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องดูการพิจารณาของ คตส.ชุดใหญ่ก่อนเพราะนี่เป็นเพียงมติจากคณะอนุฯไต่สวนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หาก คตส.ชุดใหญ่มีมติให้สัญญาจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม.เป็นโมฆะจริง กทม.จะต้องเรียกเงินคืนจากสไตเออร์ฯ ที่จ่ายไปแล้วจำนวน 3 งวด ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา เพราะได้มีการตกลงไว้อยู่แล้วหากสัญญาเป็นโฆษะทางสไตเออร์ฯ จะต้องคืนเงินที่ กทม.ชำระค่างวดไปทั้งหมดคืน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการระดับสูงของ กทม.มีพฤติกรรมชู้สาวกับข้าราชการในสังกัด นั้น นายวัลลภ กล่าวว่า ได้ร่วมกับกองการเจ้าหน้าที่ กทม.ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งได้รับข้อมูลมากจากหลายทาง ส่วนการนำจะหนังสือร้องเรียนที่เครือข่ายองค์กรสตรีมาร่วมพิจารณานั้นต้องดูด้วยความรอบคอบ เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นเหมือนบัตรสนเท่ห์ เพราะไม่มีการระบุชื่อผู้ร้องเรียน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตรวจสอบซึ่งมีตนเป็นประธานได้ดำเนินการในทางลับเนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรม และสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ จะตรวจสอบให้เร็วที่สุดบนพื้นฐานของความละเอียดรอบคอบ
จากที่มีกระแสข่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร ที่มี นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ได้สรุปผลการสอบสวนโดยให้สัญญาการจัดซื้อรถดับเพลิงฯ ของ กทม.เป็นโมฆะ ทั้งในส่วนของเอโอยู หรือบันทึกตกลงความเข้าใจ และสัญญาการซื้อขายรถดับเพลิง มีลักษณะการดำเนินงานที่ไม่ถูกต้อง ทั้งในจุดเริ่มต้น รวมถึงการดำเนินการจึงเห็นสมควรให้สัญญาเหล่านี้เป็นโมฆะ นั้น
นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง กทม.ต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องดูการพิจารณาของ คตส.ชุดใหญ่ก่อนเพราะนี่เป็นเพียงมติจากคณะอนุฯไต่สวนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หาก คตส.ชุดใหญ่มีมติให้สัญญาจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิงของ กทม.เป็นโมฆะจริง กทม.จะต้องเรียกเงินคืนจากสไตเออร์ฯ ที่จ่ายไปแล้วจำนวน 3 งวด ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหา เพราะได้มีการตกลงไว้อยู่แล้วหากสัญญาเป็นโฆษะทางสไตเออร์ฯ จะต้องคืนเงินที่ กทม.ชำระค่างวดไปทั้งหมดคืน
ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีข้าราชการระดับสูงของ กทม.มีพฤติกรรมชู้สาวกับข้าราชการในสังกัด นั้น นายวัลลภ กล่าวว่า ได้ร่วมกับกองการเจ้าหน้าที่ กทม.ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ อย่างรอบด้าน ซึ่งได้รับข้อมูลมากจากหลายทาง ส่วนการนำจะหนังสือร้องเรียนที่เครือข่ายองค์กรสตรีมาร่วมพิจารณานั้นต้องดูด้วยความรอบคอบ เพราะหนังสือดังกล่าวเป็นเหมือนบัตรสนเท่ห์ เพราะไม่มีการระบุชื่อผู้ร้องเรียน อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตรวจสอบซึ่งมีตนเป็นประธานได้ดำเนินการในทางลับเนื่องจากเป็นเรื่องเกี่ยวกับจริยธรรม และสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ จะตรวจสอบให้เร็วที่สุดบนพื้นฐานของความละเอียดรอบคอบ