จี้ “ไชยา” ออกกฎคุมโฆษณาเหล้า จวกต้องคิดถึง ปชช.มากกว่าธุรกิจ

นักวิชาการจี้ “ไชยา” ออกกฎกระทรวงคุมโฆษณาเหล้า พร้อมยื่น 3 ข้อให้พิจารณา ชี้ รมว.สธ.มองโลกด้วยความจริง ไม่ใช้อารมณ์ส่วนตัวตัดสิน ให้มองประโยชน์ภาคประชาชนมากกว่าภาคธุรกิจ ย้ำเครือข่ายฯ เข้ายื่นหนังสือพรุ่งนี้

วันนี้ (10 มี.ค.) ที่โรงแรมเอเชีย เครือข่ายนักวิชาการ และภาคประชาชนจัดงานการประชุมเสนอแนวทางการกำหนดกฎกระทรวงว่าด้วยการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ จากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากคำกล่าวของนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สธ.ที่ว่า “การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นไม่มีผลต่อการบริโภคต่อเด็กและกลุ่มเยาวชน” น่าจะเป็นความเข้าใจผิดในส่วนของข้อมูลที่ได้รับไม่ถูกต้อง เพราะจากผลการวิจัยต่างๆ ทั้งจากในและนอกประเทศ ต่างเห็นพ้องตรงกันว่าการโฆษณานั้นมีผลอย่างยิ่งต่อการจดจำ และการตัดสินใจในการบริโภคสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเยาวชน จึงทำให้รู้สึกว่าต้องมีการรวบรวมข้อมูลที่สามารถสะท้อนถึงปัญหาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวยื่นให้ท่านได้รับทราบ จะได้เป็นการช่วยผลักดันให้มีกฏกระทรวงเกิดขึ้น

ที่สำคัญคือตามที่ พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้มีผลบังคับใช้แล้วในวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา เนื้อหาหลักของกฏหมายนี้คือการควบคุมการโฆษณา ประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอยากให้มีการออกเป็นกฏกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องไม่ทำให้มาตรการควบคุมการโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์อ่อนด้อยลงไปกว่าเดิม ทางกลุ่มเครือข่ายนักวิชาการ และเครือข่ายภาคประชาชน จึงมีข้อเสนอกฏกระทรวงว่าด้วยการควบคุมโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญต่อเด็ก เยาวชน และประชาชน ดังนี้

1. การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทให้กระทำได้ในช่วงเวลา 24.00-05.00 น.เท่านั้น 2.การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทห้ามกระทำทางป้ายกลางแจ้งในรัศมี 500 เมตร รอบสถานศึกษา 3.การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใดๆ ต้องมีคำเตือนที่ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการควบคุมผู้บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

“การกำหนดมาตรการควบคุมต่างๆ ของทุกประเทศต้องเกิดขึ้นไปในทิศทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แย่ลง ซึ่งตอนนี้มีการควบคุมห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างเวลา 05.00-24.00 น.มาตั้งแต่ พ.ศ.2546 แล้ว ดังนั้น การออกกฎกระทรวงต้องมีการควบคุมที่เข้มข้นกว่าเดิม และกฏกระทรวงนั้นจะออกได้โดยคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ พิจารณาตามที่คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่มีนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน จึงหวังว่า รมว.สาธารณสุขจะเร่งดำเนินการทันที โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของเด็ก เยาวชน และประชาชนมากกว่า การมองถึงผลประโยชน์ของฝ่ายธุรกิจ และมองโลกด้วยความจริงตามข้อมูลที่มีการวิจัยออกมา ไม่ใช่ตัดสินใจด้วยอารมณ์กับความรู้สึกของตัวเอง” ดร.ปาริชาต กล่าว

ศ.แสวง บุญเฉลิมวิภาส นักกฎหมายอาวุโสจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การมุ่งหวังใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือมุ่งควบคุมการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมาย ตราสินค้าที่มีการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงให้ผู้อื่นดื่ม ไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อม นี่คือหลักสำคัญของกฏหมายฉบับนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 32 วรรคแรก ที่มีข้อยกเว้นคือ การประชาสัมพันธ์ที่ให้ความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคมโดยไม่มีภาพของบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฏกระทรวง ในส่วนเรื่องของเวลาที่โฆษณาได้ ทุกวันนี้ก็มีการผ่อนผันให้โฆษณาได้ตั้งแต่ 22.00-05.00 น.อยู่แล้ว ตามประกาศ ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็ไม่ใช่บทบาทของกฎหมายฉบับนี้ จริงๆ แล้วน่าจะมีการห้ามโฆษณาทั้ง 24 ชั่วโมง ด้วยเพราะทุกวันนี้เด็กและเยาวชนนอนดึกขึ้นทุกวัน

ด้านนายสงกรานต์ ภาคโชคดี เครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวด้วยว่า การที่ รมว.สธ.พูดว่าการโฆษณาไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจนั้น เพราะมีข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ทางเราจะเป็นผู้รวบรวมข้อมูลต่างๆ ทั้งเรื่องของผลการวิจัยที่ออกมาให้ได้รับทราบเพื่อที่จะทำให้การตัดสินใจในเรื่องนี้เป็นไปตามเหตุและผล หวังว่าตัว รมว.สธ.เองคงเห็นแก่ลูกหลาน เยาวชนไทย และในวันพรุ่งนี้ทางเครือข่ายภาคประชาชน ตัวแทนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา จะนำข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ พร้อมด้วยข้อมูลผลการวิจัยทั้งหมดเข้ายื่นให้แก่นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข