“นำยุทธ” ชี้ สอศ. ต่อยอดถึงปริญญาตรี ราชมงคล ได้รับผลกระทบตรงๆ ทุกวันนี้อ้าแขนรับนักศึกษาจากอาชีวะอย่างเดียว เตือนหากสอนปริญญาตรี ขอให้คำนึงถึงคุณภาพ “เฉลิม” เตือนอย่าเร่งปั๊มบัณฑิตจนเกร่อ
นายนำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ธัญบุรี และในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีราชมงคล กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เปิดสอนระดับปริญญาตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องดี สิ่งที่เป็นห่วงมากกว่า นั่นก็คือคุณภาพในการผลิตบัณฑิต เพราะฉะนั้นก่อนขยายการเรียนการสอนจนถึงปริญญาตรีควรมีการกำหนดให้ชัดเจนเสียก่อนว่าใครจะเป็นผู้ดูแลด้านคุณภาพ ใครเป็นคนวัด ซึ่งทุกวันนี้ผู้ใช้แรงงานจะสะท้อนหรือเป็นผู้บอกว่ามีคุณภาพมาให้
ที่ผ่านมาสอศ.จะผลิตนักศึกษาสายช่างระดับ ปวช. ปวส.ยังไม่มีความเชี่ยวชาญนักศึกษาสายอาชีพในระดับปริญญาตรี ดังนั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร บุคลากร อุปกรณ์การเรียนการสอน และอื่นๆ
นายนำยุทธ บอกว่า มหาวิทยาลัยราชมงคล 9 แห่งทั่วประเทศ จะรองรับนักศึกษาสายช่าง หรือนักศึกษาอาชีวะ เป็นหลัก ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กำหนดไว้ แล้วปัจจุบันนี้ยังมีที่นั่งเหลือให้เด็กมาเรียน เนื่องจากนักศึกษาสายช่างส่วนมากเรียนแค่ ปวช.และปวส. แล้วก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานเยอะกว่าเรียนต่อระดับปริญญาตรี
“หากถามว่าอาชีวะเปิดปริญญาตรีจะกระทบต่อราชมงคลหรือไม่ ผมไม่ว่าไม่กระทบ เพียงแต่ก่อนเปิดควรมีการสำรวจความต้องการเสียก่อนว่าจะผลิตสาขาอะไร เพียงแต่ไม่ต้องการให้เปิดซ้ำซ้อนและมาเปิดใกล้ๆ กัน”
นายนำยุทธ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ผลิตนักศึกษา เพื่อป้อนให้แก่ธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมกรรม เพราะว่าแหล่งงานที่รองรับนักศึกษาของเรานั้นเป็นของต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หากมีการเปิดระดับปริญญาตรี อยากให้ปั้นนักศึกษาให้เป็นมันสมองของชาติ หมายความว่าให้นักศึกษาสร้างสรรค์คิดค้นชิ้นงาน ซึ่งคนลักษณะนี้จะมีหัวก้าวหน้าจะคิดเทคโนโลยีเพื่อมาใช้ในประเทศได้ “สิ่งที่อยากเน้นคือผลิตคนคุณภาพ”
ถามว่าก่อนที่ สอศ.จะขยายไปถึงปริญญาตรี มีการปรึกษากันมาก่อนรึไม่ นายนำยุทธ กล่าวว่า ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ราชมงคล กับ สอศ. มีสายสัมพันธ์และเป็นเครือข่ายอันดีต่อกัน ทำงาน วางแผน ร่วมกันมาตลอด อย่างปัจจุบันนี้ราชมงคลยังเข้าไปมีบทบาทช่วยร่างหลักสูตร และอื่นๆ ให้แก่โรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์
ด้าน นายเฉลิม มัติโก อธิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กล่าวว่า สอศ.ขยายไปถึงปริญญาตรี กระทบกับราชมงคลแน่นอน เนื่องจากนักศึกษาที่มาเรียนส่วนใหญ่มาจากอาชีวะ หากเขาขยายเด็กก็เลือกเรียนต่ออาชีวะ อีกอย่างหนึ่ง พ.ร.บ.ราชมงคล ระบุว่าห้ามผลิตนักศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี เพราะไม่ต้องการแย่งเด็กมาจากอาชีวะ
“ราชมงคลมีความพร้อมด้านบุคลากร สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน เพราะก่อตั้งมากว่า 30 ปี และการที่จะขยายหรือตั้งมหาวิทยาลัยของมาซักแห่งหนึ่งต้องลงทุนค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะผลิตบัณฑิตย์สายอาชีพ” นายเฉลิม กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่าวันนี้คนไทยก็คลั่งไคล้ใบปริญญาตรีค่อนข้างสูง เร่งผลิตกันจนเกร่อ เรียนจบแล้วหลายคนหางานทำไม่ได้ บางคนอยากได้งานทำยอมรับเงินตามกว่าเกณฑ์อัตราเงินเดือน ตรงนี้ทำให้สูญเสียการศึกษา จึงไม่อยากให้เด็กมองปริญญาเป็นสิ่งสำคัญ
นายเฉลิม กล่าวว่า มีเรื่องหนึ่งที่พูดกันมาหลายปีแล้ว สอศ.พยายามทำอยู่แต่ยังย่ำอยู่กับที่ ใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งเด็กเรียนจบแล้วมีหลายระดับ พอเด็กไปทำงานจะได้รับเงินเดือนตามระดับความรู้ความสามารถ ไม่ใช่ให้ตามวุฒิการศึกษาเหมือนทุกวันนี้
นายนำยุทธ สงค์ธนาพิทักษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ธัญบุรี และในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีราชมงคล กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เปิดสอนระดับปริญญาตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องดี สิ่งที่เป็นห่วงมากกว่า นั่นก็คือคุณภาพในการผลิตบัณฑิต เพราะฉะนั้นก่อนขยายการเรียนการสอนจนถึงปริญญาตรีควรมีการกำหนดให้ชัดเจนเสียก่อนว่าใครจะเป็นผู้ดูแลด้านคุณภาพ ใครเป็นคนวัด ซึ่งทุกวันนี้ผู้ใช้แรงงานจะสะท้อนหรือเป็นผู้บอกว่ามีคุณภาพมาให้
ที่ผ่านมาสอศ.จะผลิตนักศึกษาสายช่างระดับ ปวช. ปวส.ยังไม่มีความเชี่ยวชาญนักศึกษาสายอาชีพในระดับปริญญาตรี ดังนั้น ต้องมีการเตรียมความพร้อมทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตร บุคลากร อุปกรณ์การเรียนการสอน และอื่นๆ
นายนำยุทธ บอกว่า มหาวิทยาลัยราชมงคล 9 แห่งทั่วประเทศ จะรองรับนักศึกษาสายช่าง หรือนักศึกษาอาชีวะ เป็นหลัก ตามที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ กำหนดไว้ แล้วปัจจุบันนี้ยังมีที่นั่งเหลือให้เด็กมาเรียน เนื่องจากนักศึกษาสายช่างส่วนมากเรียนแค่ ปวช.และปวส. แล้วก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานเยอะกว่าเรียนต่อระดับปริญญาตรี
“หากถามว่าอาชีวะเปิดปริญญาตรีจะกระทบต่อราชมงคลหรือไม่ ผมไม่ว่าไม่กระทบ เพียงแต่ก่อนเปิดควรมีการสำรวจความต้องการเสียก่อนว่าจะผลิตสาขาอะไร เพียงแต่ไม่ต้องการให้เปิดซ้ำซ้อนและมาเปิดใกล้ๆ กัน”
นายนำยุทธ กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้สถานศึกษา มหาวิทยาลัย ผลิตนักศึกษา เพื่อป้อนให้แก่ธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรมกรรม เพราะว่าแหล่งงานที่รองรับนักศึกษาของเรานั้นเป็นของต่างประเทศ อย่างไรก็ดี หากมีการเปิดระดับปริญญาตรี อยากให้ปั้นนักศึกษาให้เป็นมันสมองของชาติ หมายความว่าให้นักศึกษาสร้างสรรค์คิดค้นชิ้นงาน ซึ่งคนลักษณะนี้จะมีหัวก้าวหน้าจะคิดเทคโนโลยีเพื่อมาใช้ในประเทศได้ “สิ่งที่อยากเน้นคือผลิตคนคุณภาพ”
ถามว่าก่อนที่ สอศ.จะขยายไปถึงปริญญาตรี มีการปรึกษากันมาก่อนรึไม่ นายนำยุทธ กล่าวว่า ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ราชมงคล กับ สอศ. มีสายสัมพันธ์และเป็นเครือข่ายอันดีต่อกัน ทำงาน วางแผน ร่วมกันมาตลอด อย่างปัจจุบันนี้ราชมงคลยังเข้าไปมีบทบาทช่วยร่างหลักสูตร และอื่นๆ ให้แก่โรงเรียนเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์
ด้าน นายเฉลิม มัติโก อธิการมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ กล่าวว่า สอศ.ขยายไปถึงปริญญาตรี กระทบกับราชมงคลแน่นอน เนื่องจากนักศึกษาที่มาเรียนส่วนใหญ่มาจากอาชีวะ หากเขาขยายเด็กก็เลือกเรียนต่ออาชีวะ อีกอย่างหนึ่ง พ.ร.บ.ราชมงคล ระบุว่าห้ามผลิตนักศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี เพราะไม่ต้องการแย่งเด็กมาจากอาชีวะ
“ราชมงคลมีความพร้อมด้านบุคลากร สื่ออุปกรณ์การเรียนการสอน เพราะก่อตั้งมากว่า 30 ปี และการที่จะขยายหรือตั้งมหาวิทยาลัยของมาซักแห่งหนึ่งต้องลงทุนค่อนข้างสูงมาก โดยเฉพาะผลิตบัณฑิตย์สายอาชีพ” นายเฉลิม กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่าวันนี้คนไทยก็คลั่งไคล้ใบปริญญาตรีค่อนข้างสูง เร่งผลิตกันจนเกร่อ เรียนจบแล้วหลายคนหางานทำไม่ได้ บางคนอยากได้งานทำยอมรับเงินตามกว่าเกณฑ์อัตราเงินเดือน ตรงนี้ทำให้สูญเสียการศึกษา จึงไม่อยากให้เด็กมองปริญญาเป็นสิ่งสำคัญ
นายเฉลิม กล่าวว่า มีเรื่องหนึ่งที่พูดกันมาหลายปีแล้ว สอศ.พยายามทำอยู่แต่ยังย่ำอยู่กับที่ ใบประกอบวิชาชีพ ซึ่งเด็กเรียนจบแล้วมีหลายระดับ พอเด็กไปทำงานจะได้รับเงินเดือนตามระดับความรู้ความสามารถ ไม่ใช่ให้ตามวุฒิการศึกษาเหมือนทุกวันนี้
