xs
xsm
sm
md
lg

“อภิรักษ์” ยันให้ความเป็นธรรมกรณี “บิ๊ก” งาบสาว “ขรก.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อภิรักษ์” ยันไม่ละเลยเรื่องการละเมิดทางเพศของข้าราชการ กทม.เพราะองค์กรให้ความสำคัญด้านความเสมอภาคทางเพศ เผยพร้อมเปิดโอกาสทั้งสองฝ่ายชี้แจงเพื่อความยุติธรรม ด้านกระทรวงหมอยอมรับ อาจมีเรื่องชู้สาว แต่ไม่มีข้อมูล หากพบถือเป็นการทำผิดวินัยราชการ ไม่ปล่อยเลยเฉยๆ เชื่อปัญหาไม่หนัก เป็นกระทรวงสีขาว มีจริยธรรมวิชาชีพกำกับ ส่วนใหญ่คนดีมากกว่าไม่ดี ห่วงจิตใจผู้ถูกกระทำ ปลุกกระแสคนในช่วยดูแลซึ่งกันและกัน ด้านเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีฯ เสนอนายกรัฐมนตรี กำหนดเรื่องจริยธรรมทางเพศเป็นนโยบายและวาระแห่งชาติ ตัดตอนปัญหาคอร์รัปชั่นทางเพศในระบบราชการ ขณะที่ โฆษกกระทรวงมหาดไทย โต้องค์กรสตรี แฉโดยไม่ดูข้อเท็จจริง อาจสร้างชื่อเสียให้ราชการ

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงกรณีการร้องเรียนการล่วงละเมิดทางเพศใน กทม.ว่า กทม.เป็นองค์การที่มีนโยบายรณรงค์ความเสมอภาคทางเพศในองค์กร จะสังเกตเห็นได้ว่ากทม.มีเข้าราชการ เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงลูกจ้างที่เป็นผู้หญิงจำนวนมาก โดยเฉพาะในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของ กทม.ก็มีผู้หญิงร่วมดำรงตำแหน่งอยู่ด้วย ส่วนในกรณีที่ถูกต้องเรียน แน่นอนว่า กทม.ย่อมให้ความสำคัญกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งคาดว่าไม่เกินสัปดาห์หน้าจะมีการส่งหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ ทาง กทม.ก็ต้องพิจารณาและเปิดโอกาสให้แก่ทั้งสองฝ่ายให้มีโอกาสชี้แจง

ด้านนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม ในฐานะโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในเชิงการบริหารการฟ้องร้องจากกรณีชู้สาวมีอยู่ในระเบียบวินัยข้าราชการอยู่แล้ว ถ้ามีมูลเหตุข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องก็จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน นำเรื่องพวกนี้เข้าสู่กระบวนการ ถ้ามีเรื่องชู้สาวเกิดขึ้น ไม่ปล่อยให้ผ่านเลยไป อย่างแน่นอน หากถามว่าในแวดวงสธ.มีเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศมากน้อยแค่ไหนนั้น ไม่สามารถยืนยันตัวเลขได้ คงต้องข้อมูลอีกทีหนึ่ง

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามบุคลาการสธ.มีบุคลากรหลากหลาย หากเป็นแพทย์ก็จะมีจริยธรรมกำกับอยู่แล้ว ทั้งจริยธรรมทางเพศและจริยธรรมของแพทย์ในการรักษา จริยธรรมกับผู้ป่วย หรือเรื่องอื่นที่เกี่ยวโยงก็ต้องถูกกำกับด้วยจริธรรมของวิชาชีพ ขณะเดียวกันข้อกำหนดต่างๆ ด้านจริยธรรมก็ไม่สามารถกันตรีได้ เพราะแพทย์ก็มีทั้งแพทย์ที่ดีและไม่ดี และหากกระทำในที่ลับตาคนและเป็นการยินยอมก็อาจไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว แต่หากเป็นข้อพิพาทเป็นเรื่องแดงจึงรับรู้กัน ดังนั้น เรื่องความสัมพันธ์ชู้สาวเป็นเรื่องที่เป็นปัจจัยหนึ่งของสัญชาตญาณของมนุษย์

“เชื่อว่าคงไม่ได้มีปัญหาชู้สาวอยู่ในภาครัฐ 4-5 กระทรวงที่กล่าวถึงเท่านั้น แต่ภาคเอกชน หรือไม่เฉพาะในเมืองไทย แต่ทั่วโลก อดีตประธานธิบดีสหรัฐอเมริกากับนักศึกษาฝึกงานที่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตก็มีให้เห็น ซึ่งในทางพุทธศาสนา หากกรรมใดใครก่อ กรรมนั้นก็ต้องรับกันไป ส่วนมูลนิธิเพื่อนหญิงบอกแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมก็ถือเป็นการกระตุ้นเตือนให้คนในสังคมมีจริยธรรมมากขึ้น ไม่ใช่การกระทำที่เป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น แต่เป็นเรื่องผิดจริยธรรม จึงเป็นเรื่องที่ดี ไม่ใช่หน่วยงานรีบออกมาปฏิเสธ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนด้านจิตวิทยา หากวิเคราะห์เรื่องการคุกคามทางเพศนั้นมีหลายระดับ ตั้งแต่การถูกข่มขืนโดยไม่ยินยอม โดยอีกฝ่ายใช้กำลัง ฝ่ายหนึ่งเป็นเจ้านาย ฝายหนึ่งเป็นลูกน้อง นั้นผิดแน่ๆ อีกประเภทไม่ใช้กำลัง แต่ใช้อำนาจที่มีอยู่ทางการงานข่มขู่คุกคามให้ยินยอม เช่น ไม่ให้เติบโต ลงโทษ และสุดท้ายการเอื้อประโยชน์ให้กัน โดยสัญญาว่าจะให้เงินทอง ตำแหน่งหน้าที่การงาน หรืออาจเรียกว่า การสมยอมหรือไม่ ซึ่งกลุ่มที่ถูกข่มขืนโดยไม่เต็มใจน่าเห็นใจมากที่สุด เพราะถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นตราบาปในจิตใจ แม้บาดแผลทางร่างกายจะหายไป แต่แผลในจิตใจยังคงอยู่ อาจ 3-6 เดือน หรือบางรายเป็นปีๆ และมีโรคซึมเศร้าตามมา

นฑ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นการบังคับให้ยอม มีความรุนแรงทางจิตใจเข้ามาให้เดินทางไปสู่การยินยอม ทำให้ได้รับการบาดเจ็บทางใจด้วยเหมือนกัน ดังนั้น การล่วงละเมิดทางเพศคงต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป เนื่องจากดังที่กล่าวมาว่า บางรายไม่ได้บังคับกาย หากมีความต้องการรางวัล ตำแหน่ง ผลประโยชน์ เอื้อสมยอม มีบาดแผลไม่มาก แต่หากยอมชั่วขณะนั้น แล้วเกิดกรณีมีเมียหลวงมาตามรังควาน ก็มีบาดเจ็บทางจิตใจตามมา จึงเป็นเรื่องแล้วแต่กรณีซึ่งระเอียดอ่อนมาก ซึ่งในต่างประเทศแม้แต่การใช้สายตา คำพูดส่อเสียด ก็ถือเป็นการคุกคามแล้ว ซึ่งคนภายในองค์กรควรช่วยกันสอดส่อง เพื่อปลุกกระแสการดูแลซึ่งกันและกัน

“การที่ออกมาพูดก็ไม่ได้หมายว่าจะมีปัญหานี้เยอะ หรือใหญ่โตอะไร ในสธ. ซึ่งถือเป็นกระทรวงสีขาวที่ทำเพื่อคนทุกข์ยาก เชื่อว่าจะมีคนดีมากกว่าคนที่ไม่ดี แต่หากเกิดปัญหาก็จะต้องมีการเยียวยาเฉพาะจุดไป พวกนี้ถือเป็นคนกลุ่มน้อย ซึ่งจะไม่กระทบความเชื่อมั่นในบุคลากรทางการแพทย์อย่างแน่นอน”นพ.ทวีศิลป์กล่าว

น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง กล่าวว่า เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (25 กพ.51) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะมอบนโยบายให้กับหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมด ที่ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีเพื่อติดตามตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูงและพันธมิตรกว่า 20 องค์กร จึงอยากเสนอให้นายกรัฐมนตรีกำหนดเรื่องจริยธรรมทางเพศเป็นนโยบายและวาระแห่งชาติ และมอบนโยบายให้หัวหน้าส่วนราชการนำไปบังคับใช้ในส่วนราชการให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อตัดตอนปัญหาคอร์รัปชั่นทางเพศในระบบราชการ ซึ่งนำไปสู่การคอร์รัปชั่นของประเทศชาติ ทั้งนี้ องค์กรสตรีต่าง ๆ อยากเห็น นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ส่งสัญญาณตอบรับและตระหนักถึงความสำคัญ ที่จะให้ทุกส่วนราชการปลอดจากพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม หรือการคอร์รัปชั่นทางเพศ เพื่อมอบเป็นของขวัญในวันสตรีสากลปีนี้ 8 มีนาคมนี้

“หากนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลจริงใจกับการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ควรจะกำหนดเรื่องจริยธรรมทางเพศเป็นนโยบาย เป็นวาระแห่งชาติด้วย ยิ่งใกล้วันสตรีสากลแล้ว อย่าเอาแต่พูดว่า สนับสนุนส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคหญิงชาย ทำให้เห็นดีกว่าเริ่มจากเรื่องนี้ มอบเป็นของขวัญสำหรับวันสตรีสากลปีนี้ เนื่องจากขณะนี้ เวลาผู้หญิงหรือใครออกมาร้องเรียน มักถูกมองว่าเป็นเรื่องขบขันไม่มีใครให้ความสำคัญ ทำให้ข้าราชการ บิ๊กข้าราชการที่กระทำได้ใจ กระทำอยู่ตลอด เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ ไม่ผิดจริยธรรมและกฎหมาย” นส.สุเพ็ญศรีกล่าว

น.ส.สุเพ็ญศรี กล่าวด้วยว่า ได้รับการประสานจากผู้ช่วยเลขานุการ ผู้ว่าฯ กทม.ว่าภายในวันที่ 25-26 ก.พ.นี้ ผู้ว่าฯ กทม.จะให้คำตอบว่าจะให้ทางเครือข่ายองค์กรด้านเด็กและสตรีเพื่อตรวจสอบจริยธรรมทางเพศของผู้บริหารระดับสูง มายื่นหนังสือร้องเรียนกรณีข้าราชการระดับสูงของ กทม.ที่มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับข้าราชการหญิงในสังกัดหลายคนได้วันไหน ซึ่งหลังจากที่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปแล้วก็คงต้องติดตามว่าผู้ว่าฯ กทม.จะดำเนินการอย่างไร ส่วนจะเป็นมวยล้มหรือไม่ คงตอบยาก ต้องติดตามอำนาจการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้เปิดโปงพฤติกรรมเชิงชู้สาวของข้าราชการระดับสูงหลายหน่วยงาน ก็ได้รับเสียงสนับสนุนจากสังคมค่อนข้างมาก โดยมีการโทรศัพท์มาให้กำลังใจตลอดทั้งวัน ส่วนที่โทรมาต่อว่าหรือข่มขู่ยังไม่มี หากจะมีการโทรมาขู่ก็ไม่กลัว แสดงว่าเปิดตัวออกมาแล้วว่ามีพฤติกรรมจริง ตั้งแต่ทำงานในมูลนิธิเพื่อนหญิงมาหลายปี เคยมีการโทรมาข่มขู่เพียงครั้งเดียว เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้วสมัยปี 2541 หรือ 2542

ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล โฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามทัศนะของตนการที่องค์กรสตรี ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มีข้าราชการระดับสูงในหลายกระทรวงมีพฤติกรรมอื้อฉาวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ตนอยากให้มีการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร และส่งเรื่องมาที่กระทรวง ไม่ใช่แค่การพูดให้เป็นข่าวรายกระทรวงอย่างเดียว เพราะจะสร้างความเสื่อมเสีย กระทบชื่อเสียงกระทรวง และสถาบันที่เป็นหน่วยราชการ นอกจากนี้ก็จะทำให้ข้าราชการที่ตั้งใจทำงานดีและมีจำนวนมากมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดีไปด้วย ที่สำคัญการพูดให้เป็นข่าวอย่างนี้ใคร ๆ ก็พูดได้ โดยที่อาจทำให้เกิดปัญหาครอบครัวกับข้าราชการก็ได้ ดังนั้นขอเรียกร้องให้เครือข่ายองค์กรสตรีเสนอข้อเท็จจริงมาที่ตนโดยตรงว่าเรื่องเป็นอย่างไร จะได้ร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น