“กษมา” เผย สพฐ.หลักสูตรใหม่ คาดนำมาใช้ในปี 52 พร้อมเปรยขยายสอนเพศศึกษาอีก 5,000 โรง หวังให้เด็กรักศักดิ์ศรีและคุณค่าของตนเอง
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำลังรับฟังความคิดเห็นในภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหนังสือพิมพ์ เพราะทั้ง 2 หน่วยงานได้ให้ความเห็นในเรื่องหลักสูตรมากที่สุด จึงอยากเสนอให้เห็นว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ คาดว่า หลักสูตรนี้น่าจะนำไปใช้ในปีการศึกษา 2552 ซึ่งหลักสูตรเป็นเพียงต้นทางเท่านั้น สิ่งที่จำเป็นมากกว่าคือการพัฒนาครูผู้สอนให้นำหลักสูตรไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้บริหารให้สามารถพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาได้ และจะดำเนินการรับฟังคิดเห็นให้เสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ เพราะเดือนเมษายนเป็นช่วงปิดเทอมจะต้องทำความเข้าใจกับผู้บริหารและครู เพราะการปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าวจะมีความชัดเจนในเรื่องหลักสูตรแกนกลางมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนครอบคลุมหมดทุกเรื่อง หากครูสอนตามหลักสูตรแกนกลางก็จะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมการเรียนรู้อย่างอื่น
“การปรับหลักสูตรจะดีสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะจะมีรูปแบบเฉพาะ ที่ผ่านมา โรงเรียนขนาดใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่โรงเรียนขนาดเล็กครูคนหนึ่งอาจต้องสอนคละชั้น สอน 8 กลุ่มสาระวิชาซึ่งเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นหลักสูตรใหม่จะมีรูปแบบของการสอนคละชั้น ซึ่งจะเริ่มทดลองในโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นต้นแบบประมาณ 800 โรง และจะมีการอบรมให้ครูสามารถสอนคละชั้นโดยใช้หลักสูตรแบบบูรณาการในช่วงปิดเทอมด้วย”
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า สพฐ.มีเป้าหมายขยายเรื่องการสอนเพศศึกษาเพิ่มอีก 5,000 โรง ซึ่งจะขยายในโรงเรียนขยายโอกาสอย่างน้อย 50% และอยากให้โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาทุกแห่งได้มีกิจกรรมเรื่องเพศศึกษา อย่างไรก็ดี ขอให้ทำความเข้าใจกับกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองก่อน โดยให้ดูหลักสูตรว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะไม่ใช่หลักสูตรเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่จะเป็นการสอนเรื่องของคุณค่าและศักดิ์ศรีของตนเอง การระงับความรู้สึกต่างๆ โดยโรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เด็กค้นพบคุณค่าของตัวเอง
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำลังรับฟังความคิดเห็นในภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงกลุ่มสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และหนังสือพิมพ์ เพราะทั้ง 2 หน่วยงานได้ให้ความเห็นในเรื่องหลักสูตรมากที่สุด จึงอยากเสนอให้เห็นว่าหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ คาดว่า หลักสูตรนี้น่าจะนำไปใช้ในปีการศึกษา 2552 ซึ่งหลักสูตรเป็นเพียงต้นทางเท่านั้น สิ่งที่จำเป็นมากกว่าคือการพัฒนาครูผู้สอนให้นำหลักสูตรไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผู้บริหารให้สามารถพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาได้ และจะดำเนินการรับฟังคิดเห็นให้เสร็จภายในเดือนมีนาคมนี้ เพราะเดือนเมษายนเป็นช่วงปิดเทอมจะต้องทำความเข้าใจกับผู้บริหารและครู เพราะการปรับปรุงหลักสูตรดังกล่าวจะมีความชัดเจนในเรื่องหลักสูตรแกนกลางมากขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนครอบคลุมหมดทุกเรื่อง หากครูสอนตามหลักสูตรแกนกลางก็จะไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมการเรียนรู้อย่างอื่น
“การปรับหลักสูตรจะดีสำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะจะมีรูปแบบเฉพาะ ที่ผ่านมา โรงเรียนขนาดใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหา แต่โรงเรียนขนาดเล็กครูคนหนึ่งอาจต้องสอนคละชั้น สอน 8 กลุ่มสาระวิชาซึ่งเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นหลักสูตรใหม่จะมีรูปแบบของการสอนคละชั้น ซึ่งจะเริ่มทดลองในโรงเรียนขนาดเล็กที่เป็นต้นแบบประมาณ 800 โรง และจะมีการอบรมให้ครูสามารถสอนคละชั้นโดยใช้หลักสูตรแบบบูรณาการในช่วงปิดเทอมด้วย”
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า สพฐ.มีเป้าหมายขยายเรื่องการสอนเพศศึกษาเพิ่มอีก 5,000 โรง ซึ่งจะขยายในโรงเรียนขยายโอกาสอย่างน้อย 50% และอยากให้โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาทุกแห่งได้มีกิจกรรมเรื่องเพศศึกษา อย่างไรก็ดี ขอให้ทำความเข้าใจกับกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครองก่อน โดยให้ดูหลักสูตรว่าเป็นอย่างไร ซึ่งจะไม่ใช่หลักสูตรเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่จะเป็นการสอนเรื่องของคุณค่าและศักดิ์ศรีของตนเอง การระงับความรู้สึกต่างๆ โดยโรงเรียนสามารถจัดกิจกรรมอย่างอื่นที่ทำให้เด็กค้นพบคุณค่าของตัวเอง
