กระทรวงสาธารณสุข จัดทำโครงการดูแลสุขภาพเด็กนักเรียน สนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เผยผลสำรวจเด็กอนุบาลถึงอาชีวะ พบปัญหาโรคอ้วนร้อยละ 11 เด็กเกือบครึ่งไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ระดับมัธยมและอาชีวะ เคยคิดฆ่าตัวตาย ร้อยละ 6 เตรียมบูรณาการการทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัส ทรงห่วงใยในสุขภาพนักเรียนที่มีปัญหาเจ็บป่วย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เร่งรัดดำเนินการสนองพระราชดำริ โดยตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางและมาตรการในการดูแลสุขภาพนักเรียนสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน อธิบดีทุกกรมเป็นคณะกรรมการ โดยจะประสานงานทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงศึกษาธิการ
นายไชยา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการดูแลสุขภาพนักเรียนในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพได้ในระดับหนึ่ง อาทิ ปัญหาเด็กขาดสารอาหาร โรคพยาธิ ฟันผุ และการขาดสารไอโอดีน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังพบว่ามีเด็กนักเรียนบางส่วนในหลายพื้นที่ ยังมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากผลสำรวจภาวะสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงนักเรียน ระดับอนุบาล ถึงระดับอาชีวศึกษาปี 2550 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีปัญหาโรคอ้วนเฉลี่ยร้อยละ 11 สาเหตุสำคัญมาจากดื่มน้ำอัดลมและขนมกรุบกรอบ ผอมร้อยละ 6 เตี้ยร้อยละ 8 ส่วนพฤติกรรมด้านสุขอนามัย พบว่า ล้างมือก่อนรับประทานอาหารด้วยน้ำและสบู่ ร้อยละ 56 ใช้ส้วมชักโครกถูกวิธี ร้อยละ 42 ดูทีวี เล่นเกม มากกว่าวันละ 2 ชั่วโมง มากถึงร้อยละ 42 ซึ่งการที่เด็กไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร จะเป็นต้นเหตุของการนำเชื้อโรคเข้าสู่ปาก หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ แต่หากเด็กล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง จะสามารถกำจัดเชื้อโรคที่มือไปได้ร้อยละ 80
ด้านพฤติกรรมเสี่ยงด้านเพศและยาเสพติด สำรวจเฉพาะในระดับมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา พบว่า เคยสูบบุหรี่ ร้อยละ 9 ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ร้อยละ 30 ด้านสุขภาพจิต พบว่า เคยคิดฆ่าตัวตาย ร้อยละ 6 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนการดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจร ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยจะได้ให้หน่วยงานในสังกัดระดับจังหวัด อำเภอและตำบล เข้าไปดำเนินงานประสานอย่างใกล้ชิดกับโรงเรียนในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป เพื่อค้นหาปัญหาของเด็กในแต่ละโรงเรียน และวางแผนดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ในโรงเรียนอยู่แล้ว ได้แก่ โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนสีขาว ทูบีนัมเบอร์ วัน ป้องกันปัญหายาเสพติด อย.น้อย เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งโรงเรียนเข้าร่วมโครงการต้องมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม ขณะนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 33,446 แห่ง จากทั้งหมด 34,839 แห่ง ผ่านเกณฑ์เป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพแล้ว ร้อยละ 92 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะได้เข้าไปดำเนินงานให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัส ทรงห่วงใยในสุขภาพนักเรียนที่มีปัญหาเจ็บป่วย กระทรวงสาธารณสุขจึงได้เร่งรัดดำเนินการสนองพระราชดำริ โดยตั้งคณะกรรมการพิจารณาแนวทางและมาตรการในการดูแลสุขภาพนักเรียนสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน อธิบดีทุกกรมเป็นคณะกรรมการ โดยจะประสานงานทำงานกันอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงศึกษาธิการ
นายไชยา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการดูแลสุขภาพนักเรียนในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง จนสามารถแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพได้ในระดับหนึ่ง อาทิ ปัญหาเด็กขาดสารอาหาร โรคพยาธิ ฟันผุ และการขาดสารไอโอดีน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังพบว่ามีเด็กนักเรียนบางส่วนในหลายพื้นที่ ยังมีปัญหาด้านสุขภาพอยู่
นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากผลสำรวจภาวะสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงนักเรียน ระดับอนุบาล ถึงระดับอาชีวศึกษาปี 2550 ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า มีปัญหาโรคอ้วนเฉลี่ยร้อยละ 11 สาเหตุสำคัญมาจากดื่มน้ำอัดลมและขนมกรุบกรอบ ผอมร้อยละ 6 เตี้ยร้อยละ 8 ส่วนพฤติกรรมด้านสุขอนามัย พบว่า ล้างมือก่อนรับประทานอาหารด้วยน้ำและสบู่ ร้อยละ 56 ใช้ส้วมชักโครกถูกวิธี ร้อยละ 42 ดูทีวี เล่นเกม มากกว่าวันละ 2 ชั่วโมง มากถึงร้อยละ 42 ซึ่งการที่เด็กไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร จะเป็นต้นเหตุของการนำเชื้อโรคเข้าสู่ปาก หรือติดเชื้อทางเดินหายใจ แต่หากเด็กล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้ง จะสามารถกำจัดเชื้อโรคที่มือไปได้ร้อยละ 80
ด้านพฤติกรรมเสี่ยงด้านเพศและยาเสพติด สำรวจเฉพาะในระดับมัธยมศึกษา และอาชีวศึกษา พบว่า เคยสูบบุหรี่ ร้อยละ 9 ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ร้อยละ 30 ด้านสุขภาพจิต พบว่า เคยคิดฆ่าตัวตาย ร้อยละ 6 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้วางแผนการดูแลสุขภาพเด็กอย่างครบวงจร ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ โดยจะได้ให้หน่วยงานในสังกัดระดับจังหวัด อำเภอและตำบล เข้าไปดำเนินงานประสานอย่างใกล้ชิดกับโรงเรียนในพื้นที่รับผิดชอบต่อไป เพื่อค้นหาปัญหาของเด็กในแต่ละโรงเรียน และวางแผนดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นระบบ
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ในโรงเรียนอยู่แล้ว ได้แก่ โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ โรงเรียนสีขาว ทูบีนัมเบอร์ วัน ป้องกันปัญหายาเสพติด อย.น้อย เป็นต้น โดยเฉพาะโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ซึ่งโรงเรียนเข้าร่วมโครงการต้องมีนโยบายส่งเสริมให้เด็กมีสุขภาพดี ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ และสิ่งแวดล้อม ขณะนี้มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ 33,446 แห่ง จากทั้งหมด 34,839 แห่ง ผ่านเกณฑ์เป็นโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพแล้ว ร้อยละ 92 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะได้เข้าไปดำเนินงานให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานทั้งหมด
