xs
xsm
sm
md
lg

“อนุสรณ์” ผุดไอเดียจี๊ด! เปิดดาวน์โหลดภาพและ SMS แสดงความรักผ่านเว็บกระทรวงวัฒน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อนุสรณ์” ผุดไอเดียจี๊ด! เผยแพร่ความหมายวันวาเลนไทน์ทางเน็ต พร้อมเปิดดาวน์โหลดภาพ และ SMS แสดงความรักผ่านเว็บไซต์กระทรวงวัฒนธรรม รณรงค์ให้มอบดอกมะลิแทนกุหลาบ ที่มีราคาแพง เผยห้ามค่านิยมเด็กไม่ได้ ก็ควรให้ความรู้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์

นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงผลการสำรวจเอแบคโพลล์ ที่ระบุว่า ในเทศกาลวันวาเลนไทน์ ยังมีวัยรุ่นร้อยละ 21.4 ยอมรับพร้อมมีเซ็กซ์วันวาเลนไทน์ ว่า เทศกาลวาเลนไทน์ เป็นวัฒนธรรมต่างประเทศที่สังคมไทยรับเข้ามา ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะเผยแพร่ให้ความรู้เกี่ยวกับความหมาย ประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์ผ่านทาง www.m-culture.go.th เพื่อเผยแพร่ไปสู่เด็กและเยาวชน ให้เข้าใจที่ถูกต้องว่าวันวาเลนไทน์เป็นเรื่องของความรัก ความเสียสละ และความปรารถนาดีกัน พร้อมทั้งจัดทำบัตรอวยพรอิเลกทรอนิกส์ ที่แสดงถึงการความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความรักของสมาชิกในครอบครัว ของพ่อ แม่ ที่มีต่อลูก ของเพื่อนที่มีต่อเพื่อน และของผู้มีพระคุณ โดยบัตรอวยพรจะเป็นภาพที่แสดงถึงความรัก ความอบอุ่น และความสุข ส่วนเนื้อหาของภาพและข้อความจะกล่าวถึงความรัก ความมีน้ำใจ และความปรารถนาดีที่มีต่อกัน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมและส่งบัตรอวยพรอิเลกทรอนิกส์ได้ที่ WWW.M-CULTURE.GO.TH/RINGTONE รวมทั้งรณรงค์ให้มอบดอกมะลิแทนดอกกุหลาบที่มีราคาแพงมากเกินไป ควรส่งเสริมให้เด็กประหยัด และนอกจากนี้ จะมีการจัดทำข้อความ SMS ที่มีเนื้อหาอวยพร การแสดงรัก และความปรารถนาต่อกัน โดยบัตรอวยพรอิเลกทรอนิกส์และส่งข้อความ SMS สามารถดาวโหลดได้ภายใน 13 ก.พ.

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่เยาวชนมีความเห็นว่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เป็นสิทธิส่วนบุคคลนั้น เรื่องนี้ผู้ใหญ่ต้องชี้แจงให้เด็กเข้าใจระหว่างเรื่องสิทธิกับการสร้างจิตสำนึก และค่านิยมที่เหมาะสม ซึ่งเราไม่ได้ขัดขวางเรื่องนี้ แต่เราอยากส่งเสริมค่านิยมที่เหมาะสมกับเด็กมากกว่าปล่อยให้เด็กเข้าใจผิดๆ ว่า ต้องมีเพศสัมพันธ์ในวันนี้
ซึ่งต้องขอความร่วมมือพ่อแม่ ผู้ปกครอง โรงเรียน ครู อาจารย์ ช่วยกันให้คำแนะนำ สอดส่องดูแล มิให้เยาวชนประพฤติตนออกนอกลู่นอกทาง มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กวดขันสถานบันเทิง โรงแรม หอพัก หรือสถานที่ล่อแหลมต่างๆ มิให้เป็นแหล่งมั่วสุม ที่สำคัญ วธ.จะร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้เกี่ยวกับผลเสียของการมีเพศสัมพันธ์ เช่น การตั้งท้องก่อนวัย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงการป้องกันตัวหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการรณรงค์ดังกล่าว เราต้องการให้เยาวชนทราบว่า วันเลนไทน์นั้นคืออะไร ไม่ใช่มีความเข้าใจที่ผิดๆ ว่า วันวาเลนไทน์จะเป็นค่านิยมของชู้สาว หรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งสังคมไทยได้รับอิทธิพลตามค่านิยมที่ผิดเพี้ยนไป โดยการรณรงค์เทศกาลวาเลนไทน์นั้น วธ.จะค่อยๆ เชื่อมโยงโน้มน้าวให้เด็กและเยาวชนไทยหันมาสนใจและให้ความสำคัญกับวันมาฆบูชา โดยหวังจะดึงความสนใจเยาวชนให้ทำกิจกรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม เข้าวัดมากขึ้น

“ขณะเดียวกัน ในปีนี้วันมาฆบูชาตรงกับวันที่ 21 ก.พ.ดังนั้น วธ.จะรณรงค์วันมาฆบูชาเชิงรุกอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 14-21 ก.พ.นี้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าเรื่องที่คนไทยหันมารับวัฒนธรรมวันวาเลนไทน์ หากจะดึงดูดให้คนหันมาสนใจกับวันสำคัญทางศาสนาอย่างวันมาฆบูชา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันรณรงค์อย่างจริงจัง และต้องใช้เวลาในระยะยาวจึงจะเห็นผลได้อย่างชัดเจน” รมว.วัฒนธรรม กล่าว

ด้าน น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผู้อำนวยการศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรม กล่าวว่า ค่านิยมการมีเพศสัมพันธ์ในวันแห่งความรักนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากปัจจุบันพ่อแม่ไม่มีเวลาดูแลลูกเท่าที่ควร ทำให้เด็กวัยรุ่นหันหน้าเข้าหาเพื่อน ซึ่งในวัยใกล้เคียงกัน วุฒิภาวะระดับเดียวกัน ทำให้ไม่มีใครสามารถแนะนำสิ่งดีแก่กันได้ ส่งผลให้ค่านิยมดังกล่าวแพร่ไปในหมู่เด็กอายุใกล้เคียงกัน ซึ่งสิ่งที่โพลนำเสนอออกมานั้นเป็นการฟ้องผู้ใหญ่ในสังคมว่า ควรดูแลเอาใจใส่เด็กให้มากขึ้น โดยเฉพาะการให้ความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ ที่ควรสอนให้เด็กเข้าใจตนเอง รู้จักรักนวลสงวนตัว การให้เกียรติเพศตรงข้าม และการรู้จักปฏิเสธ เพื่อให้เขามีทักษะในการเอาตัวรอด โดยพ่อแม่ควรมีการสื่อสารกับลูกๆ ในครอบครัวตลอดเวลา

“ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกส่วนมีหน้าที่ที่ต้องเอาใจใส่ร่วมกัน ทั้งครอบครัว โรงเรียน สังคม และนโยบายภาครัฐ ที่ต้องช่วยกันเตรียมความพร้อมให้กับเด็กไทย หากเขารับเอาค่านิยมเช่นนั้นเข้ามา เราก็ต้องบอกให้เขารู้ถึงวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา ซึ่งสถิติเกี่ยวกับโรคร้ายที่มากับเพศสัมพันธ์ หรือข้อมูลที่จะเชื่อมโยงให้ทำให้เด็กได้เห็นว่า การที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดปัญหาท้อง แท้ง ทิ้ง หรือติดเชื้อเอดส์ มันส่งผลกระทบต่อสังคมหรือเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง ซึ่งหากเด็กได้ทราบข้อมูลเหล่านี้ เชื่อว่าจะทำให้เขาตระหนัก และคิดมากขึ้นอย่างแน่นอน” ผอ.ศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น