xs
xsm
sm
md
lg

วัยทีน 1 ใน 5 ยอมรับมีอะไรกันวันวาเลนไทน์ เผย 20% ไม่ใช้ถุงยาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอแบคโพลล์ เผย มุมมองเยาวชน 12-19 ปีกับการมีเพศสัมพันธ์พบ 1 ใน 5 ร้อยละ 21.4 ยอมรับการมีเพศสัมพันธ์วันวาเลนไทน์ ระบุถือเป็นสิทธิ์ส่วนตัว ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน ชี้ เด็กที่เคยมีเพศสัมพันธ์เสี่ยงเป็นโรคติดต่อทางเพศ เพราะมีเพียงร้อยละ 21.1 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.8 ใช้บางครั้ง และร้อยละ 20.1 ไม่เคยใช้เลย

ดร.นพดล กรรณิกา หัวหน้าศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (Academic Network for Community Happiness Observation and Research, ANCHOR) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ มีการออกสำรวจมุมมองของเด็กและเยาวชน 12-19 ปีทั้งสิ้น 2,384 คนในเรื่องความรักวันวาเลนไทน์ พบว่า

เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 78.6 จะปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด ในขณะที่ประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 21.4 ยอมรับอาจจะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ อย่างไรก็ตาม เมื่อจำแนกเด็กและเยาวชนกลุ่มนี้ออกตามระดับของแนวคิดรักนวลสงวนตัว พบว่า ในกลุ่มเด็กที่มองว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องสิทธิส่วนตัวร้อยละ 48.9 ยอมรับอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ ขณะที่ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่มองว่าต้องรักนวลสงวนตัวส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.1 ปฏิเสธมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์โดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วง คือ ผลประมาณการเด็กและเยาวชนที่เอนเอียงยอมรับการมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ พบว่า ในกลุ่มเด็กและเยาวชนจำนวนทั้งสิ้น 1,327,055 คน ที่กำลังพักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีผู้ที่เอนเอียงอาจมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์จำนวน 283,990 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 21.4 ของทั้งหมด

หัวหน้าศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า ข้อมูลที่สะท้อนภาพเชิงบวก คือ เด็ก และเยาวชนส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 84.6 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ในขณะที่ร้อยละ 15.4 เคยมี แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ในกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ส่วนใหญ่กำลังเสี่ยงต่อการมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะผลวิจัยพบว่า มีเพียงร้อยละ 21.1 เท่านั้นที่ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ในขณะที่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.8 ใช้บางครั้ง และประมาณ 1 ใน 5 หรือร้อยละ 20.1 ไม่เคยใช้เลย

นอกจากนี้ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.4 ระบุว่า การอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครอง เป็นสิ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาของเด็กและเยาวชนได้ รองลงมาคือ ร้อยละ 32.3 ระบุการเป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรมของผู้ใหญ่ในสังคมเป็นทางออก ร้อยละ 30.5 ระบุการมีแบบอย่างที่ดีในสถาบันการศึกษา ร้อยละ 28.4 ระบุสื่อมวลชนเสนอบุคคลที่ดีเป็นตัวอย่างคือทางแก้ปัญหา ในขณะที่ร้อยละ 24.3 ระบุการขจัดสิ่งที่ไม่ดีทั้งในและรอบสถาบันการศึกษา และร้อยละ 23.5 ระบุการเพิ่มพื้นที่และสิ่งที่ดีๆ ทั้งในและรอบสถาบันการศึกษาเป็นสิ่งที่ช่วยแก้ปัญหาของเด็กและเยาวชนได้


กำลังโหลดความคิดเห็น