ชวนคู่รักวาเลนไทน์ ใส่ใจสุขภาพคนรักด้วยอาหารสุขภาพ

กรมอนามัย ชวนคู่รักวาเลนไทน์ หันมาใส่ใจสุขภาพของคนรัก ด้วยการมอบอาหารสุขภาพ ประเภทผัก ผลไม้ หรืออาหารที่สร้างความสดชื่นแทนอาหารหรือขนมที่มีรสหวานให้แก่กัน

นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงการเลี่ยงขนมที่มีรสหวานซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นหลักเพื่อมอบเป็นของขวัญในช่วงวันวาเลนไทน์ ว่า ช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักของทุกปี สิ่งของที่คู่รักมักมอบให้เพื่อเป็นสื่อแทนใจนอกจากดอกกุหลาบสีแดงสัญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์แล้ว ขนมหวานช็อกโกแลตรูปหัวใจนับว่าเป็นขนมยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คู่รักส่วนใหญ่มอบให้แก่กันโดยมองข้ามถึงผลกระทบต่อสุขภาพที่จะตามมา เพราะช็อกโกแลตส่วนใหญ่มีน้ำตาลเป็นส่วนผสมหลักที่ให้แต่พลังงาน โดยจะให้สารอาหารอื่นมากน้อยขึ้นอยู่กับการเพิ่มชนิดอาหารอื่นผสมลงไปด้วยเช่น นมหรือถั่วชนิดต่าง ๆ นอกจากนี้ ช็อกโกแลตจัดเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงเมื่อเทียบกับขนาด เพราะช็อกโกแลตรสนมชิ้นเล็ก ขนาด 28 กรัม ให้พลังงานถึง 145 กิโลแคลอรี่ หรือ ช็อกโกแลตสอดใส้ถั่วมาคาดาเมียขนาด 30 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 170 กิโลแคลลอรี่ ยังไม่นับรวมเค้กช็อกโกแลตจำนวน 1 ชิ้น 60 กรัม ให้พลังงาน 225 แคลอรี่ ซึ่งหากมีการกินโดยขาดการควบคุมบ่อย ๆ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดโรคฟันผุ มีไขมันสะสมในร่างกายเกินมาตรฐาน มีการขาดวิตามินหรือแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย อาจส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำให้ติดเชื้อได้ง่าย

นพ.ณรงค์ศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า การกินอาหารที่มีรสหวานจัดจะทำให้ความต้องการกินอาหารอื่นลดลง มีผลทำให้กินอาหารได้ไม่หลากหลายครบ 5 หมู่ ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนเหมาะสม ได้รับน้ำตาลมากเกินไป ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ทำให้เป็นโรคอ้วนได้ง่าย เนื่องจากความหวานที่ได้จากน้ำตาลและอาหารกลุ่มที่ให้คาร์โบไฮเดรตชนิดที่มีโมเลกุลไม่ซับซ้อน จัดเป็นอาหารให้พลังงานชนิดว่างเปล่าคือให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหารอื่น ถึงแม้ว่าน้ำตาลจะให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ก็ไม่แนะนำให้กินน้ำตาลเพื่อเป็นแหล่งของพลังงานโดยตรง ควรกินอาหารกลุ่มข้าวและควรเป็นข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือหรืออาหารธรรมชาติที่ไม่แปรรูปมาก เช่น ข้าวโพด หัวเผือก หัวมัน ลูกเดือย ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ รวมทั้งเนื้อสัตว์ต่าง ๆ ที่เป็นแหล่งของพลังงานแทน ควบคู่กับการกินผัก ผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารครบถ้วนเหมาะสม

“วันวาเลนไทน์ในปีนี้ จึงอยากแนะนำให้ทุกคู่รักหันมามอบอาหารสุขภาพให้แก่กัน เช่น ไอศกรีมผักผลไม้ เค้กผักผลไม้ ที่มีรสไม่หวานจัด เพื่อไม่เป็นการเพิ่มปริมาณน้ำตาลให้กับร่างกายของคนที่เรารัก ซึ่งหากร่างกายมีการสะสมในประมาณที่มากเกินไปจะส่งผลต่อสุขภาพ ดังนั้น การมอบสิ่งของแทนความรักที่ดีที่สุด จึงควรเลี่ยงขนมที่มีรสหวานให้น้อยลงแต่ให้เพิ่มความรักความจริงใจแก่กันเพิ่มมากขึ้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว