“คุณหญิงไขศรี” ส่งจดหมายเปิดความในใจถึงคนกระทรวงวัฒนธรรม ก่อนพ้นเก้าอี้ รมว.วธ. ฝากงานผู้บริหารระดับสูงกระทรวงฯ ให้วางแผน ติดตาม ประเมินผล พัฒนาบุคลากรและสร้างขวัญกำลังใจ และใช้งบประมาณให้คุ้มค่า ระบุไม่ต้องการงานเลี้ยงอำลาหรือของขวัญ แต่ขอให้ทุกคน “ให้ใจ” กับการทำงานวัฒนธรรมแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ม.ค.) คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้นำเอกสาร “ความในใจของ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ ถึงชาวกระทรวงวัฒนธรรม” มาแจกจ่ายให้แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง วธ.และสื่อมวลชน ก่อนการประชุมผู้บริหาร วธ. โดยเอกสารดังกล่าวมีใจความว่า
“เรียน ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง กระทรวงวัฒนธรรมทุกท่าน ตามที่ดิฉันได้ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมมาหนึ่งปีกับสี่เดือนและกำลังจะพ้นจากหน้าที่ในอนาคตอันใกล้นี้ ดิฉันใคร่ขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับความร่วมมือร่วมใจในการทำงานในช่วงเวลาปีเศษที่ผ่านมา ซึ่งพวกเราชาวกระทรวงวัฒนธรรมทุกหน่วยงานได้รับการกล่าวขวัญชื่นชมในการทำงานเชิงรุก การจัดกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงบทบาทของกระทรวงวัฒนธรรมชัดเจนยิ่งขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งควรเป็นความภูมิใจ เพราะเป็นผลของการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง ทุกคนของกระทรวงวัฒนธรรม
ดิฉันไม่เคยคิดเลยว่า ในชีวิตนี้จะต้องมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม การตัดสินใจรับหน้าที่นี้ก็ด้วยเหตุผลส่วนตัวว่า มีประสบการณ์ในการทำงานด้านการบริหารและวิชาเกี่ยวกับวัฒนธรรมาบ้างในฐานะผู้บริหารของมหาวิทยาลัยศิลปากร แต่เมื่อได้เข้ามาทำงานแล้วก็ได้เห็นความแตกต่างของระบบการทำงานระหว่าง กระทรวงและมหาวิทยาลัยว่าแตกต่างกันมาก การบริหารงานกระทรวงเป็นแนวดิ่ง มีขั้นตอนมาก ในขณะที่การบริหารงานมหาวิทยาลัยเป็นแนวราบ มีความคล่องตัวและรวดเร็ว ดิฉันจึงได้พบว่าการทำงานกระทรวงฯ มีปัญหามากกว่าที่คิดไว้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาจัดระบบและเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในระยะเวลาอันสั้น ทำให้รู้สึกท้อใจในบางครั้ง อย่างไรก็ตาม หลักการทำงานของดิฉันไม่เปลี่ยน คือยึดถือความถูกต้องและคุณธรรม
สิ่งที่ดิฉันได้พูดและพยายามขายความคิดให้กับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงาน และอยากถ่ายทอดให้คนในกระทรวงฯได้รับรู้ทั้งหมด เพื่อให้ช่วยกันติดตามและร่วมมือร่วมใจกันทำต่อไปอย่างต่อเนื่องและจริงจัง คือ
1.การวางแผน การติดตาม การประเมินการทำงาน การประสานงานระหว่างกรม และหน่วยงานต่างๆ ภายในกรมทุกระดับ ควรมีการทบทวน ผู้บริหารระดับต่างๆ จะต้องให้ความสำคัญและเอาใจใส่ในเรื่องเหล่านี้ให้มากขึ้น ต้องมีการมอบหมายผู้รับผิดชอบของแต่ละเรื่องแต่ละด้านให้ชัดเจน และมีการติดตามอย่างสม่ำเสมอ
2.การพัฒนาบุคลากรในทุกๆ ด้าน ดิฉันอยากเห็นกระทรวงวัฒนธรรม เป็นองค์กรที่เรียนรู้ (Learning Organization) และบุคลากรของกระทรวงฯ เป็นบุคคลที่พัฒนาตนเองได้ (Learning Person) พร้อมที่จะได้รับการพัฒนาควบคู่กันไป ทั้งระบบการทำงานของกระทรวงฯ และการพัฒนาบุคลากร เนื่องจากวิทยาการต่างๆโลกในปัจจุบันปรับเปลี่ยนเร็วมาก หากเราไม่มีการพัฒนา เราจะล้าหลัง ทั้งองค์กรและบุคลากร ทำให้การทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
นอกจากเรื่องการพัฒนาวิธีการทำงาน ดิฉันได้เสนอในเรื่องการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรม และพัฒนาจิต ด้วยการปฎิบัติธรรม ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรมได้เริ่มโครงการแล้ว
3.เรื่องขวัญและกำลังใจของบุคลากร ซึ่งต้องได้รับความยุติธรรม ความเป็นธรรม ความเสมอภาคเป็นเรื่องสำคัญมาก ดิฉันเคยแจ้งในการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯแล้วว่า ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ บุคลากรทุกระดับชั้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคจะต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์ในการที่จะวางคนให้เหมาะสมกับงานด้วย
4.เรื่องการใช้งบประมาณและทรัพยากรให้คุ้มค่า ดิฉันย้ำเสมอว่า งบประมาณทุกบาททุกสตางค์ที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล มาจากภาษีของราษฎร (ส่วนหนึ่งมาจากภาษีของพวกเราเอง) ควรวางแผนการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม ประหยัดและโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ปัญหาการคอรัปชั่นต้องไม่มี หากมีจะต้องดำเนินการตามระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด กระทรวงฯ ได้จัดทำจรรยาบรรณสำหรับเป็นกรอบการปฎิบัติงานแล้ว อยู่ที่ว่าเราจริงจังแค่ไหนในการนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
ดิฉัน ขอย้ำว่าการมีปัญหาภายในองค์กรเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเกิดปัญหาเราต้องแก้ไขและปัญหาทุกปัญหาแก้ได้ด้วยการพัฒนา
การทำงานของดิฉันในช่วงเวลาที่ผ่านมา อาจจะทำให้หลายหน่วยงาน หลายคนไม่สบายใจ คงต้องขออภัย ดิฉันเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว ตรงไปตรงมา และเนื่องจากระยะเวลาการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรีค่อนข้างสั้น ดิฉันคงไม่มีโอกาสได้เห็นผล แต่ก็หวังว่าข้อเสนอต่างๆ ข้างต้นจะไม่จบลงพร้อมกับความเป็นรัฐมนตรีของดิฉัน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นดิฉันคงเสียดาย เวลา 14 เดือน ที่ได้ทุ่มเททั้งกายและใจ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหนื่อยที่สุดในชีวิต
กระทรวงวัฒนธรรมอยู่ในความรับผิดชอบบุคลากรของกระทรวงวัฒนธรรมทุกคนของผู้บริหารทุกระดับ ซึ่งมีบทบาทสำคัญมาก กระทรวงวัฒนธรรมจะถูกจัดอยู่ในเกรด ซีหรือดี หรือไม่มีเกรด เป็นเรื่องการแบ่งของการเมืองไทย ไม่มีความสำคัญอะไร ไม่ควรนำมาเป็นเรื่องบั่นทอนกำลังใจพวกเรา พวกเราชาวกระทรวงวัฒนธรรมรู้ดีว่า วัฒนธรรมมีความสำคัญอย่างไรต่อสังคมและประเทศชาติ เป็นความรับผิดชอบของพวกเราทุกคนในอันที่จะอนุรักษ์ ส่งเสริม สืบทอด พัฒนา ศึกษาวิจัย วัฒนธรรมของชาติไว้ โดยต้องไม่ลืมด้วยว่า เราต้องร่วมมือกับองค์กรต่างๆที่พร้อมจะเป็นแนวร่วม เครือข่ายของเรา ทั้งองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ชุมชน หน่วยงานรัฐและเอกชน สภาวัฒนธรรมต่างๆ แม้กระทั้งสื่อมวลชน
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมา ดิฉันทำงานบริหารในมหาวิทยาลัยมาหลายตำแหน่ง และทุกครั้งที่พ้นจากตำแหน่งใดๆ ก็ตาม ดิฉันไม่เคยรับการเลี้ยงส่ง การเลี้ยงอำลา การรับของขวัญ ของที่ระลึก ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ของขวัญที่ดิฉันอยากได้คือ ขอให้บุคลากรของกระทรวงวัฒนธรรมทุกคนคิดดี ทำดี และ “ให้ใจ” กับการปฏิบัติงานในหน้าที่ของท่าน โดยนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง
ขอขอบคุณอีกครั้ง น้ำใจ ความร่วมมือและร่วมใจกันทำงานของทุกคนในช่วงที่ดิฉันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งคงจะเป็นประสบการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของดิฉันตลอดไป
ไขศรี ศรีอรุณ
28 มกราคม 2551”