พม.ดีเดย์ปลายเดือนมกราคมนี้ จับกุมหอพักเถื่อนทั่วประเทศ หลังให้โอกาสยื่นขอจดทะเบียนมานานแล้วแต่สุดท้ายมีมาขอจดเพิ่มเพียง 1,247 แห่ง จากที่เหลือเกือบ 30,000 แห่ง ส่วนการขอแก้ไขกฎหมายเพื่อปรับบทลงโทษเจ้าของหอพักอยู่ที่กฤษฎีกาแล้ว ขณะที่ กทม.พร้อมส่งโยธาเข้าตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของหอพักร่วมกับ พม.และตำรวจ ปดส.
นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินการตามโครงการจัดระเบียบหอพักและการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการออกตรวจตรวจหอพักว่า หลังจากที่ พม.ได้กำหนดมาตรการจัดระเบียบหอพักโดยมีกรอบเวลาดำเนินการ 3 ระยะ
คือการยื่นจดทะเบียนและต่ออายุใบอนุญาตหอพัก การออกตรวจเรื่องใบอนุญาตหอพัก และให้การปรับปรุงหอพักในการแบ่งหอพักชาย-หญิง และการบังคับใช้กฎหมาย
ซึ่งที่ผ่านมา พม.ได้เปิดโอกาสให้เจ้าของสถานประกอบการทั้งอพาร์ตเมนต์ แมนชั่น ห้องเช่า เกสต์เฮาส์ หรืออื่นๆ ที่รับนักเรียน นักศึกษา ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ อยู่ระหว่างการศึกษาไม่สูงกว่าปริญญาตรี เข้าพักอาศัยตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปโดยเสียค่าตอบแทนให้มาจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในสิ้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาแต่ปรากฏว่ามีเจ้าของสถานประกอบการตามที่กล่าวมานั้นดำเนินการยื่นเรื่องขอจดทะเบียนหอพักเพิ่มเพียง 1,139 แห่งในต่างจังหวัด และ 135 แห่งในเขต กทม. รวมเป็น 1,247 แห่ง จากที่ทั่วประเทศมีหอพักทั้งหมดกว่า50,000 แห่ง จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว 10,677 แห่ง ดังนั้นจึงเหลือหอพัก 20,000-30,000 แห่งที่ยังไม่ได้จดทะเบียนให้ถูกต้อง
“เจ้าของสถานประกอบการที่เหลืออาจคิดว่าราชการอาจไม่เอาจริง ทำงานหาเสียงซึ่งจะบอกว่าคงจะเข้าใจผิดอยากจะประกาศเตือนอีกครั้งว่าปลายเดือนมกราคมนี้เราจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังโดยจะประสานตำรวจ ปดส.เข้าตรวจสอบหอพักต่างๆ และสถานประกอบการที่เข้าข่ายหอพักโดยจะมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดในฐานะนายทะเบียนหอพักให้สั่งการพัฒนาสังคมฯ จังหวัด (พมจ.) ดำเนินคดีต่อหอพักที่ไม่จดทะเบียนทันที รวมถึงจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมกิจการแทนเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก เยาวชนที่อาศัยในหอพักดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อยากขอให้เจ้าของหอพักต่างๆ ติดป้ายสนับสนุนว่าเป็นหอพักที่ถูกต้องตามกฎหมายด้วย”
นายแพทย์พลเดช กล่าวอีกว่า ในส่วนของบทลงโทษที่ปัจจุบันอยู่ที่ปรับ 2,000 บาท จำคุก 6 เดือน ตาม พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ.2507 ซึ่งอาจมองดูว่าเบาไปนั้นโดยเฉพาะโทษปรับ ทางพม.ก็ได้พยายามแก้ไขกฎหมายให้มีโทษปรับที่สูงขึ้น ส่วนโทษจำนั้นก็จะปรับให้พอเหมาะซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร อย่างไรก็ตาม การขอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกาตรวจสอบรายละเอียดอยู่
ด้านนายสิทธิสัตย์ เจียมวงศ์แพทย์ รองปลัด กทม.กล่าวว่า ทาง กทม.จะให้สำนักการโยธา (สนย.) เข้าไปตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างอาคารของหอพักในกรุงเทพฯ โดยจะใช้กฎหมาย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 เข้าไปดำเนินการ
