เลขาฯ สพฐ.ยอมรับ ครูไม่มีจิตวิทยาในการจัดเด็กเกเร จึงดัดนิสัยเด็กโดยใช้ความรุนแรง เตรียมรณรงค์ให้ครูรู้วิธีสร้างวินัยในเชิงบวก หวังละลายพฤติกรรมเฮี้ยวของเด็ก เผยเด็กโรงเรียนชื่อดังเมืองบุรีรัมย์ถูกลงโทษด้วยการล่ามโซ่เพราะหนีโรงเรียนประจำ แต่ถึงอย่างไรก็คิดว่าเป็นการลงโทษที่ไม่เหมาะสม
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดบุรีรัมย์ ถูกรองผู้อำนวยการโรงเรียนลงโทษฐานหนีเรียนด้วยการล่ามโซ่กับต้นไม้หน้าโรงเรียนว่า ตนได้รับรายงานจากผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ โดยชี้แจงเด็กที่ถูกลงโทษมีพฤติกรรมหนีเรียนเป็นประจำ และผู้ปกครองได้อนุญาตให้ครูดูแลเด็กได้ตามสมควร อย่างไรก็ตาม วิธีการลงโทษด้วยการล่ามโซ่เป็นการลงโทษที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง หากรองผู้อำนวยการโรงเรียนต้องถูกลงโทษทางวินัย
“นักเรียนมีพฤติกรรมเกเร แต่ไม่ควรลงโทษด้วยการล่ามโซ่ เมื่อได้รับรายงานจาก ผอ.เขตฯ จึงให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบวินัย”
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตนไม่ได้ห่วงการลงโทษทางวินัยครูที่ลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรง แต่ห่วงครูจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าจะจัดการเด็กเกเรอย่างไร จึงเลือกวิธีรุนแรงมาลงโทษเด็ก คิดว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ ซึ่งจริงๆ การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กนั้น จะต้องใช้ “การสร้างวินัยเชิงบวก” หาวิธีให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง และทำให้เด็กหยุดพฤติกรรมเกเร เช่น ถ้าเด็กไม่ชอบเรียนหนีเรียนครูอาจไปช่วยพัฒนาเด็กคนอื่นที่เขามีความสามารถเพื่อเป็นแบบอย่าง
“ครูส่วนใหญ่ไม่เข้าใจการสร้างวินัยเชิงบวก มักจะใช้การลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อให้เด็กเลิกเกเร ดังนั้น สพฐ.จะต้องเพิ่มการรณรงค์เผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการสร้างวินัยเชิงบวกให้แก่ครู ให้ครูสามารถจัดการเรียนในชั้นเรียน แก้ไขพฤติกรรมนักเรียนได้ โดยขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง เพราะหลายกรณีปัญหาหาพฤติกรรมนักเรียน ก็มีพื้นฐานมาจากครอบครัวหรือเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม ปัจจุบัน สพฐ.ก็เร่งดำเนินการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอยู่” คุณหญิงกษมา กล่าว
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีนักเรียนโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดบุรีรัมย์ ถูกรองผู้อำนวยการโรงเรียนลงโทษฐานหนีเรียนด้วยการล่ามโซ่กับต้นไม้หน้าโรงเรียนว่า ตนได้รับรายงานจากผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทางโทรศัพท์เมื่อวานนี้ โดยชี้แจงเด็กที่ถูกลงโทษมีพฤติกรรมหนีเรียนเป็นประจำ และผู้ปกครองได้อนุญาตให้ครูดูแลเด็กได้ตามสมควร อย่างไรก็ตาม วิธีการลงโทษด้วยการล่ามโซ่เป็นการลงโทษที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง หากรองผู้อำนวยการโรงเรียนต้องถูกลงโทษทางวินัย
“นักเรียนมีพฤติกรรมเกเร แต่ไม่ควรลงโทษด้วยการล่ามโซ่ เมื่อได้รับรายงานจาก ผอ.เขตฯ จึงให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบวินัย”
คุณหญิงกษมา กล่าวว่า ตนไม่ได้ห่วงการลงโทษทางวินัยครูที่ลงโทษเด็กด้วยวิธีรุนแรง แต่ห่วงครูจำนวนมากที่ไม่รู้ว่าจะจัดการเด็กเกเรอย่างไร จึงเลือกวิธีรุนแรงมาลงโทษเด็ก คิดว่าวิธีนี้จะช่วยแก้ปัญหาได้ ซึ่งจริงๆ การแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กนั้น จะต้องใช้ “การสร้างวินัยเชิงบวก” หาวิธีให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจและเห็นคุณค่าของตัวเอง และทำให้เด็กหยุดพฤติกรรมเกเร เช่น ถ้าเด็กไม่ชอบเรียนหนีเรียนครูอาจไปช่วยพัฒนาเด็กคนอื่นที่เขามีความสามารถเพื่อเป็นแบบอย่าง
“ครูส่วนใหญ่ไม่เข้าใจการสร้างวินัยเชิงบวก มักจะใช้การลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อให้เด็กเลิกเกเร ดังนั้น สพฐ.จะต้องเพิ่มการรณรงค์เผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เรื่องการสร้างวินัยเชิงบวกให้แก่ครู ให้ครูสามารถจัดการเรียนในชั้นเรียน แก้ไขพฤติกรรมนักเรียนได้ โดยขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง เพราะหลายกรณีปัญหาหาพฤติกรรมนักเรียน ก็มีพื้นฐานมาจากครอบครัวหรือเห็นตัวอย่างที่ไม่ดีในสังคม ปัจจุบัน สพฐ.ก็เร่งดำเนินการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอยู่” คุณหญิงกษมา กล่าว
