xs
xsm
sm
md
lg

“สังเวียนฟันน้ำนม” ชีวิตเสี่ยงของนักมวยเด็กจริงหรือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สังเวียนฟันน้ำนม” ยังคงเป็นประเด็นที่ทางภาครัฐฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงถกเถียงกันอยู่ ทำอย่างไรถ้าให้เด็กเลิกชกมวย แล้วภาระค่าใช้จ่ายที่พวกเขาต้องใช้เลี้ยงปากท้องจะเพียงพอหรือ เด็กบางคนที่เข้ามาเป็นนักมวยรุ่นเล็กก็เพียงเพื่อต้องการทุน ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน บางคนเล่นด้วยใจรักในศิลปวัฒนธรรมไทย บ้างก็เล่นเพราะเป็นการออกกำลังกาย หรือเพื่อฝึกไว้ป้องกันตัว

ภายหลังจากฟังผู้ใหญ่ของบ้านเมืองถกเถียงกันเพื่อหาทางออกให้มวยเด็กแล้ว ก็เป็นที่น่าสนใจอยู่ว่าเมื่อไม่อยากให้มีการยกเลิกมวยเด็ก ก็ควรจะหามาตรการป้องกัน หรือบรรเทาความรุนแรงในขณะขึ้นชก วันนี้จึงมีความคิดเห็นจากทัศนคติของคนจัดมวยและนักมวยที่แสดงความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ

ศิรภพ รัตนสุบรรณ หรือ ชัย ทายาทโปรโมเตอร์ชื่อดังแห่งค่ายมวยวันทรงชัย และเจ้าของโรงเรียนมวยวันทรงชัยให้ความคิดเห็นว่า ถ้าทางรัฐบาลออกมาตรการที่เป็นข้อกำหนดที่ชัดเจนทางค่ายก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม และยินดีให้ความร่วมมือ ซึ่งโดยปกติแล้วทางค่ายเองก็ไม่ได้หักค่าหัวคิวหรือเรียกร้องเก็บเงินจากเด็กที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนมวยวันทรงชัยเลยแม้แต่น้อย นักเรียนที่นี่จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากพี่เลี้ยงและเทรนเนอร์ ซึ่งนักมวยเด็กส่วนใหญ่จะมาจากภาคอีสานมากกว่าภาคอื่นๆ ในส่วนของการขึ้นชกนั้น มวยเด็กจะขึ้นชกเพียงสามยก จำกัดเป็นรุ่นตามน้ำหนัก
น้องฟ้า หรือ ด.ญ.ปิยะรัตน์ ยวงใย อายุ 8 ขวบ นักมวยหญิงรุ่นจิ๋ว
ถามว่าการขึ้นชกมวยไทยตั้งแต่ยังเด็กจะมีผลกระทบต่อร่างกายและสมองของเด็กมากน้อยเพียงใด?

ศิรภพให้ความคิดเห็นว่าการชกมวยสากลเป็นอันตรายกว่าชกมวยไทยเสียอีก เพราะมวยสากลจะชกตรงหัวมากกว่าส่วนอื่น ถึงแม้จะมีอุปกรณ์ป้องกันแต่ก็ยังคงกระทบกระเทือนต่อสมองอยู่ดี แต่มวยไทยจะชกได้เกือบทั้งหมด ตรงนี้มีความเชื่อที่ว่านักมวยที่เก่งและได้แชมป์ระดับประเทศ หรือระดับโลก ล้วนแล้วแต่เล่นกีฬามวยตั้งแต่ยังเด็กทั้งสิ้น ซึ่งคุณพ่อเอง (ทรงชัย รัตนสุบรรณ) ก็ฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ดังนั้น น่าจะเป็นการดีที่มีส่งเสริมให้เด็กหันมาออกกำลังกายหรือเล่นเพื่ออนุรักษ์ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทยๆ ดีกว่าจะแห่ไปเล่นกีฬาป้องกันตัวหรือต่อสู้ของชาติอื่น

“ตรงนี้ก็คงมีผลกระทบแต่ถ้าหากเรามีการป้องกันที่ดีก็ไม่น่าจะมีปัญหา กีฬาทุกอย่างก็ต้องมีเจ็บตัวบ้างเพียงแต่มวยเป็นอะไรที่จะโดนเยอะกว่ากีฬาชนิดอื่น ในการซ้อมหรือแข่งขันก็เลือกคู่ซ้อมหรือคู่ต่อสู้ที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน จึงไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ” ศิริภพ อธิบาย

ส่วนประเด็น เทรนเนอร์มวยใช้สายมงคลตีหัวนักมวยเด็กอายุ 14 ปีที่ขึ้นชกแล้วแพ้ ทำให้สายมงคลฟาดไปโดนตาของเด็กจนเลนส์แก้วตาแตกนั้น ส.อ.ธารศักดิ์ รุ่งเรือง อายุ 58 ปี ครูมวยแห่งค่ายวันทรงชัย และอดีตนักมวยฝีมือระดับพระกาฬ ร่วมแสดงความคิดเห็นว่าเป็นเรื่องของอุบัติเหตุและความโมโหของเทรนเนอร์คนนั้น แต่ที่เป็นประเด็นที่ใหญ่โตเพราะนักมวยก็ยังเป็นเด็กอยู่ และไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่ผลจากการขึ้นชกมวยแล้วทำให้สุขภาพย่ำแย่ แต่เป็นการกระทำของเทรนเนอร์ที่คุมอารมณ์ไม่ได้เพียงคนเดียวจนก่อให้เกิดเป็นข่าวคราว
น้องมิ หรือ ด.ญ.จุติพร แสงสะอาด วัย 11 ขวบ นักมวยหญิงลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น
ฝ่ายนักมวยเด็กของค่ายอย่างน้องฟ้า หรือ ด.ญ.ปิยะรัตน์ ยวงใย อายุ 8 ขวบ นักเรียนโรงเรียนสามเสนนอก หนึ่งในนักมวยเด็กของค่าย ที่เรียกว่าเป็นนักมวยเด็กหญิงรุ่นจิ๋ว ขึ้นชกมาแล้ว 7 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง ชนะ 4 ครั้ง เล่าว่า เริ่มฝึกมวยไทยเมื่อประมาณ 9-10 เดือนที่แล้ว ฝึกได้ประมาณ 4 เดือน ครูมวยเห็นว่ามีพัฒนาการดีเลยให้ลองขึ้นชก และหลังจากนั้นก็ได้ขึ้นชกมาเรื่อยๆ

น้องฟ้ายังบอกอีกว่าส่วนตัวแล้วเคยเรียนศิลปะป้องกันตัวอย่างอื่นมาบ้าง เช่น เทควันโด แต่ที่ผันตัวเองมาเล่นกีฬามวยไทย เพราะชื่นชอบที่พ่อเป็นนักมวย และครอบครัวก็ให้การส่งเสริมสนับสนุนเป็นอย่างดี

ด้านมานพ ยวงใย อายุ 42 ปี คุณพ่อของน้องฟ้า เล่าให้ฟังว่า ที่ให้ลูกสาวมาเรียนมวยไทย และอนุญาตให้ขึ้นชก เพราะเห็นว่าเป็นกีฬาที่ดี เมื่อเข้าสู่การแข่งขันเด็กก็จะได้เรียนรู้ถึงคำว่า รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย อีกทั้งไว้ใช้ป้องกันตัวเมื่อยามคับขัน เพราะสังคมสมัยนี้ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ฝึกไว้ ช่วยเหลือตนเองและผู้อื่น ส่วนเรื่องค่าเหนื่อยตอนขึ้นชกนั้น ก็ให้แม่ของน้องเขาเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา ซึ่งขึ้นชกครั้งแรกได้ค่าเหนื่อย 300 บาท นี่ยังไม่รวมทิปที่คนดูให้อีกต่างหาก

ถามเรื่องฐานะทางบ้าน พ่อของน้องฟ้าบอกว่าก็ถือว่าไม่จนและไม่รวย แต่ก็มีครบทุกอย่าง ไม่ได้ให้ลูกมาชกมวยหาเงินเข้าครอบครัว แต่ให้ลูกมาเรียนรู้การเข้าสังคมกับเพื่อนนักมวย การเป็นนักกีฬา แต่ถ้าถามว่าห่วงไหมก็ห่วงนิดหน่อย เพราะแกยังเด็ก แต่ที่นี่มีการควบคุมที่ดีเทรนเนอร์ดูแลดี และมีระบบป้องกันดีจึงวางใจได้

รุ่นใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ก็คือ ด.ญ.จุติพร แสงสะอาด วัย 11 ขวบ โรงเรียนคลองปักหลัก สาวน้อยวัยน่ารักที่มีดีกรีเป็นถึงลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น แต่มีใจรักและอยากชกมวยไทย บอกเล่าประสบการณ์ในการชกว่า ต้องฝึกฝนนานพอสมควรประมาณ ปีกว่าๆ ก่อนที่จะได้ขึ้นชกจริง ชกครั้งแรกได้ค่าเหนื่อย 500 บาท ส่วนทิปก็ได้บ้างหลังชกเสร็จ แล้วแต่คนดูที่ชื่นชอบจะให้ ในส่วนฐานะทางบ้านแล้วค่อนข้างพอมีพอใช้ แม่เป็นแม่บ้านส่วนพ่อทำงานรับราชการ ความสนใจของน้องมิเกิดจากพี่สาวเป็นคนชักชวน เพราะพี่ก็เป็นนักมวยหญิงในค่ายเหมือนกัน

ถามว่ากลัวหรือไม่กับเหตุการณ์ที่ปรากฏในข่าว

น้องมิบอกว่า ก็กลัวและไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตนเองและเพื่อนนักมวยคนอื่นๆ แต่ในการชกมวยทุกครั้งก็จะมีการป้องกันตัว และมีการวอร์มก่อนลงเล่น เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดการบาดเจ็บมากและเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายได้ทำงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น