เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่า “เสียหายหลายแสน” ก็ว่าได้ สำหรับพรรคประชาชนในเวลานี้ หลังจากที่ตำรวจจากกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยหนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมคือ นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส. กรุงเทพฯ (เขตบางพลัด-บางกอกน้อย) เขต 33 โดยมีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และการฟอกเงิน มีเงินหมุนเวียนกว่า 2 หมื่นล้านบาท
มีรายงานจากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ว่า มีการปล่อยแถวกำลังพลเปิดปฏิบัติการ “Black Mirror TKP” ตรวจค้นและทลายเครือข่ายค้ายาเสพติด 22 เป้าหมาย 7 หมายจับ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี ลพบุรี และ จ.ตรัง โดยได้ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดปฏิบัติการพิเศษสยบไพรี รวมจำนวนกว่า 120 นาย ถือเป็นปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดชุดใหญ่ ส่งท้ายปีเก่า 2568 ต้อนรับปีใหม่ 2569 โดยมี พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.ปส. เป็นประธานให้โอวาทและปล่อยแถวกำลังพล
หนึ่งในจุดที่เข้าค้น คือบริเวณบ้านหรูหลังหนึ่ง อยู่ในพื้นที่แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กทม. จุดดังกล่าว สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 2 ราย เป็นสามีชาวไทยและภรรยาชาวลาว พร้อมของกลางเป็นรถยนต์หรู 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เงินสดมูลค่า 1 ล้านบาท อาวุธปืนสั้น 11 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง อาวุธปืนยาว 5 กระบอก และตุ๊กตาหรูหลายตัว
ด้าน พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยถึงปฏิบัติการดังกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา กองกำลังสุรศักดิ์มนตรีสามารถจับกุมขบวนการลักลอบขนยาเสพติดชาวลาวได้ จึงได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลพบว่า ขบวนการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับคดีค้ายาเสพติดอีกกว่า 7 คดี
ขณะเดียวกันยังพบว่า ขบวนการดังกล่าวได้เปิดบริษัท จดทะเบียนเป็นบริษัทเกี่ยวกับธุรกิจขนส่ง จำนวน 4 บริษัท แต่ละบริษัทมีกรรมการจดทะเบียนในลักษณะไขว้กัน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมธุรกิจตามที่ได้จดทะเบียนเอาไว้เลย แต่พบว่าทั้ง 4 บริษัทมีเงินสะพัดหมุนเวียนกว่า 20,000 ล้านบาท ใน 50 บัญชีของบริษัท บางบัญชีมีเงินหมุนเวียนสูงสุดถึง 20 ล้านบาท โดยเงินที่หมุนเวียนนั้น พบว่าเป็นเงินที่เชื่อมโยงมาจากขบวนการค้ายาเสพติดและนำมาฟอกเงินอีกที
เป็นเหตุทำให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดดำเนินการสืบสวนสอบสวนและเปิดปฏิบัติการทลายขบวนการยาเสพติดเครือข่ายดังกล่าว 22 จุด ใน 5 จังหวัด โดยมีผู้ต้องหาจำนวน 7 หมายจับในข้อหาเกี่ยวกับฟอกเงินและยาเสพติด ในจุดบ้านพักย่านแขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชันนี้ พบว่าผู้ต้องหาสามีภรรยาคู่นี้เป็นกรรมการของบริษัท ให้การยอมรับว่ารับจดทะเบียนเปิดบริษัทฯ แต่ไม่สามารถให้การเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทได้ เพราะไม่ได้ดำเนินธุรกิจเลย
ขณะเดียวกันยังพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ เป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตในย่านฝั่งธนบุรี สังกัดพรรคการเมืองชื่อดังพรรคหนึ่ง ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเชิงลึกจนพบว่า มีพยานหลักฐานทั้งเรื่องของเส้นทางการเงินที่รับเงินจากเครือข่ายดังกล่าวเป็นรายเดือน และผู้ต้องหาสามีภรรยายอมรับว่า ให้เงินกับนักการเมืองรายนี้ จึงนำมาสู่การเสนอหลักฐานเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ โดยตอนนี้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุมผู้สมัคร สส.รายดังกล่าวได้แล้ว และกำลังนำตัวเข้ากองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด
พล.ต.อ.สำราญ ระบุอีกว่า ตอนนี้ทั้ง 22 จุดนั้น บางจุดอยู่ในระหว่างการเข้าตรวจค้นและรวบรวมพยานหลักฐาน ถือว่าเป็นการปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดครบวงจรทุกมิติตามนโยบายของรัฐบาลและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ต้องดำเนินการตั้งแต่จับกุมตัดตอนการลักลอบนำเข้ายาเสพติดเข้ามาในพื้นที่เมือง ไปจนถึงสกัดกั้นขบวนการฟอกเงินจากเครือข่ายยาเสพติด โดยในคดีนี้จะดำเนินการประสาน ปปง. เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินและดำเนินคดีในเรื่องฟอกเงินต่อไป
แน่นอนว่า หากพิจารณากันตามกฏหมายเวลานี้ยังถือว่า นายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ หากศาลยังไม่ตัดสินว่ามีความผิด และแน่นอนว่าเจ้าตัวย่อมปฏิเสธหัวชนฝนว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง แต่จากพฤติการณ์แห่งคดีที่ตำรวจออกหมายจับ และเข้าจับกุมในครั้งนี้ก็ย่อมถือว่ามีหลักฐานแน่นหนาทีเดียว ซึ่งก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรม
แต่สำหรับในทางการเมือง นาทีนี้ถือว่า “พรรคส้ม” หรือว่าพรรคประชาชนเสียหายหนัก ทางด้านความน่าเชื่อถือ กลายเป็นว่า ที่เคยย้ำว่า “มีเทาไม่มีเรา” นั้น กลายเป็นคนละเรื่องเลย เพราะนี่คือ “ดำ” กันเลยทีเดียว ขณะเดียวกันจากข้อมูลของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตนักการเมือง นักวิจารณ์การเมือง และสังคมชื่อดังยังเคยย้ำข้อมูลมาก่อนว่า “พรรคนี้ยังมีหลายคนที่มี เคสดำ” หมายความว่า “เลยเทา” กันอีกหลายคน และหลังจากมีการจับกุมผู้สมัครของพรรคประชาชนรายนี้เขาก็ยังย้ำอีกว่า “ยังมีอีกขอให้ตรวจสอบให้ดี” ต้องตรวจสอบให้ละเอียด จะทำแต่ตรวจสอบเอกสารแบบสมัครงานไม่ได้เป็นอันขาด
ในทางการเมืองก็ต้องยอมรับกันแล้วว่า พรรคประชาชนเสียหายหนัก ภาพข่าวที่เพิ่งปรากฏดังกล่าวย่อมเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ในอดีตซ้ำเติมเข้ามาอีก หลังจากมี อดีต ส.ส.สมาชิกพรรค ที่เคยก่อเรื่องอื้อฉาวเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นคดีข่มขืน คุกคามทางเพศ ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงและคนในครอบครัว รวมไปถึงก่อคดีอาญาร้ายแรง เป็นต้น และเมื่อผสมโรงไปกับเรื่องล่าสุดที่ มีผู้สมัครเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด และฟอกเงินรายใหญ่ มีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้านบาท ย่อมไม่ธรรมดาแล้ว
แน่นอนว่าคราวที่แล้วเมื่อเกิดเหตุอื้อฉาวสารพัด พวกเขา(พรรคประชาชน) มักจะอ้างว่า เป็นเพราะทุกอย่างยังใหม่ ยังขาดความรอบคอบ จนทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นมา แต่คราวนี้เมื่อเกิดเหตุอื้อฉาว ทำผิดอาญาร้ายแรงแบบนี้ขึ้นมาซ้ำรอยอีก และหนักกว่าเดิมหลายเท่า มันก็ย่อมสะท้อนภาพให้เห็นถึงความบกพร่องได้ชัดเจนมากขึ้นหรือเปล่า
ขณะเดียวกันการที่ผู้บริหารพรรคประชาชน โดยเฉพาะ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและแกนนำคนอื่นๆต้องรีบออกมาขอโทษ และจะรีบเปลี่ยนตัวผู้สมัครใหม่ลงไปแทนนั้น ซึ่งมันก็ต้องขอโทษอยู่แล้ว จะเลี่ยงไปทางอื่นไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเป็นความผิดขั้นร้ายแรง และการถูกออกหมายจับและถูกจับกุมทันทีถือว่าตำรวจย่อมมีหลักฐานอยู่ในมือ ดังนั้นนาทนี้สำหรับพรรคประชาชนถือว่า “หนักหน่วง” มาก จากคำว่า “มีเทาไม่มีเรา” กลายเป็นว่า “มีเคสดำ” และระวังจะเจออีก !!


