เมืองไทย 360 องศา
แม้ที่ผ่านมา พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะบอกว่า การสู้รบกับกัมพูชาเที่ยวนี้ทั้งมหาอำนาจ และต่างชาติ ไม่มีชาติไหนเข้าข้างเรา ส่วนใหญ่จะบอกว่าเป็นกลางแต่เหมือนไปยืนฝั่งกัมพูชา
“ผมมองว่า เมื่อถึงเวลาตรงนี้ก็ไม่มีประเทศไหนที่มายืนข้างเราจริงๆ ทุกคนพูดเหมือนเป็นกลาง แต่เหมือนไปยืนฝั่งกัมพูชา และพูดให้เป็นกลาง คือเขาฟังข้อมูลทางการกัมพูชา และมองว่าเราเป็นประเทศใหญ่ ที่ไปรุกราน ผมยืนยันในฐานะที่รับผิดชอบทางนโยบาย เราปกป้องตัวเอง เราป้องกันตนเอง โดยยึดหลักกฎบัตรสหประชาชาติข้อที่ 51 ด้วยความจำเป็น และได้สัดส่วน ยืนยันตรงนี้ ขอให้สื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนสบายใจได้ เพราะผมมั่นใจว่าเราต้องยึดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศใดเข้าข้างเรา สิ่งที่ผมมองอยู่ก็คือผมไม่เห็นมีประเทศไหนที่ประณามกัมพูชา ว่าทำไมวางทุ่นระเบิด ในเขตของไทย ได้แต่มาพูดว่าขอให้ไทยลดการใช้อาวุธ ลดความรุนแรง ซึ่งตอนนี้ผมมั่นใจว่ามาถูกทาง เราอยู่กับกฎหมาย และกฎหมายคือที่พึ่งของเรา" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
พล.อ.ณัฐพล ย้ำว่า ตนพูดได้แค่นี้ เพราะถ้าพูดมากกว่านี้ จะทำให้การประชุมของฝ่ายเลขาลำบากได้ ตนเพียงเอาข้อเท็จจริงมาให้สื่อมวลชนดูในรายละเอียด เพราะมั่นใจว่าแค่พูดหัวข้อสื่อมวลชนก็เข้าใจ พร้อมทำฝากความเข้าใจกับสังคมกับคนไทย และชาวโลก ในข้อเท็จจริงเหล่านี้
อย่างไรก็ดี ในอีกแง่มุมหนึ่งกลับมีการรายงานจากสื่อต่างประเทศในทำนองที่เห็นตรงกันว่าการสู้รบครั้งนี้ จะเห็นถึงแรงกดดันจากนานาชาติ ที่มีต่อไทย รวมไปถึงแรงกดดันให้หยุดยิงแบบทันทีนั้นดูเหมือนจะไม่มี ส่วนใหญ่จะออกมาในโทนเรียกร้องให้หยุดยิงก็ตามโดยเฉพาะแรงกดดันจากมหาอำนาจทั้งสหรัฐและจีน ที่เวลานี้การสู้รบผ่านมาเกือบยี่สิบวันแล้ว
ซึ่งคาดว่า จุดเปลี่ยนสำคัญในครั้งนี้ก็คือการที่ทางฝ่ายไทยได้เริ่มโจมตี “รังสแกมเมอร์” ตามแนวชายแดนตั้งแต่อีสานใต้ลงมาจนถึงจังหวัดตราด ล่าสุดยังได้โจมตีหนักที่ “ปอยเปต” ที่ในวงการต่างทราบกันดีว่านี่คือ “รังใหญ่” ของพวก “แก๊งหลอกลวงข้ามชาติ” ที่สร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก โดยเฉพาะทั้งกับพลเมืองของสหรัฐ จีน เกาหลีใต้ รวมถึงประเทศอื่นๆทั่วโลก กลายเป็นเมืองหลวงของอาชญากรรมไซเบอร์ ที่ทั่วโลกรังเกียจ และรับรู้ว่ามีเครือข่ายผู้นำกัมพูชา อย่าง ฮุน เซน เป็นแบ็กอัพสำคัญ ดังนั้นการโจมตี “รังโจร” แบบนี้นอกจากทำให้กระจุยกระจายแล้ว ยังเหมือนกับ “ขยี้กล่องดวงใจ” ของ ฮุนเซน กันเลยทีเดียว
จากการแถลงของ กองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ธ.ค.2568 กกล.บูรพา ปฏิบัติการโจมตีต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ปอยเปต จำนวน 2 แห่ง โดยยิงทำลายอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ และเก็บอาวุธกระสุน ซึ่งไม่มีพลเรือนพักอาศัยอยู่ในอาคารแล้ว ได้แก่
1.อาคาร international center call center ซึ่งแต่เดิม เป็นอาคารที่รวบรวมบุคคลข้ามแดน ก่อนจะแยกย้ายส่งไปทำงานสแกมเมอร์ ภายในพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้แปรสภาพเป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร โดยอยู่ห่างจากจุดผ่านแดนถาวร บ้านหนองเอี่ยน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ประมาณ 2 กิโลเมตร
2. อาคาร ฝั่งตรงข้ามวัดวังมน ต.ท่าข้าม อ.อรัญประเทศ ซึ่งแต่เดิม เป็นอาคารในการจัดทำบัญชีม้า ของกลุ่มสแกมเมอร์ และได้แปรสภาพเป็นที่เก็บอาวุธและกระสุนของฝ่ายกัมพูชา โดยมีการตรวจพบพลซุ่มยิงด้วย
ทั้งนี้ ในขณะปฏิบัติการฯ ได้พิสูจน์ทราบแล้วว่า ไม่มีพลเรือนอยู่ภายในอาคารที่โจมตี เป็นผลให้อาคารได้รับความเสียหายอย่างหนัก และฝ่ายกัมพูชาลดความสามารถในการปฏิบัติต่อฝ่ายเรา
สำหรับสถานการณ์การสู้รบ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2568 กองทัพภาคที่ 1 รายงาน สถานการณ์สู้รบเข้าสู่วันที่ 17 โดยระบุว่า ปฏิบัติการตอบโต้และรักษาอธิปไตย การปฏิบัติการ ในพื้นที่แนวรบ ทั้ง 3 แนวรบ ในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นที่โล่ง ไม่มีฐานที่มั่นหรือกำบังที่มีความแข็งแรง ง่ายต่อการเป็นพื้นที่โจมตี อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังใช้พื้นที่ของพลเรือนเป็นที่ตั้งทางทหารในการโจมตีมายังฝ่ายเรา
1.พื้นที่บ้านคลองแผง อ.ตาพระยา ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น ใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM- 21 มาอย่างต่อเนื่อง
2.พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง ฝ่ายเราสามารถยึดควบคุมพื้นที่ ดำเนินการสถาปนาที่มั่น และใช้อาวุธยิงสนับสนุนเพื่อควบคุมพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายังมีการต้านทานด้วยการยิงจากอาวุธยิงสนับสนุน โดยเฉพาะ BM- 21 มาอย่างต่อเนื่อง
3.พื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง เนื่องจากฝ่ายกัมพูชา ได้เสริมความแข็งแรงของที่มั่น และโจมตีฝ่ายเราด้วยอาวุธปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และBM-21 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายเราได้ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ และใช้อาวุธยิงตอบโต้เพื่อช่วงชิงและควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จต่อไป
สำหรับปฏิบัติการต่อที่หมายทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ในพื้นที่ฝั่งปอยเปต ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การโจมตีที่มั่นทางทหาร คลังเก็บอาวุธกระสุน ที่ตั้งพลซุ่มยิง ที่ตั้งอาวุธวิถีโค้ง ตลอดจนระบบติดตั้งหรือสื่อสารต่างๆ ที่มุ่งเป้าโจมตีมายังฝ่ายเรา และให้สิ้นสภาพต่อการเป็นภัยคุกคาม โดยคำนึงถึงการตอบโต้ตามสัดส่วน เพื่อป้องกันผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ดีหากสรุปในภาพรวมจนถึงตอนนี้ แน่นอนว่าผลจากการสู้รบเที่ยวนี้ฝ่ายทหารไทยสามารถยึดพื้นที่กลับคืนมาได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ยังเหลืออีกไม่กี่แห่งเท่านั้นที่เรากำลังรุกคืบเพื่อยึดมาให้ได้ เช่นที่ บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ส่วนที่เหลืออื่นๆหลังจากที่ยึดได้แล้วก็เป็นการเฝ้าระวังและตรึงพื้นที่ แม้ว่ายังมีบางพื้นที่ที่ทางฝ่ายกัมพูชาโจมตีเข้ามาเพื่อหวังยึดคืน หรือเพื่อก่อกวน แต่แนวโน้มเริ่มเบาบางลงไปเรื่อยๆ
สำหรับท่าทีของต่างชาติ นาทีนี้ถือว่า “ยังวางเฉย” หรือ “หรี่ตา” มองข้ามไป หลังจากที่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไทยได้พุ่งเป้าโจมตี “รังโจรข้ามชาติ” ใน ปอยเปต ของกัมพูชา ที่ถือว่าเป็น “ศูนย์รวมความหลอกลวง” โดยเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมที่ทางฝ่ายไทยได้ทิ้งระเบิดถล่มอย่างหนัก จนได้เห็นภาพรวม “สแกมเมอร์” วิ่งหนีออกมาเหมือนผึ้งแตกรัง ซึ่งแน่นอนว่าการโจมตีศูนย์อาชญากรรมข้ามชาติแบบนี้ย่อมได้ใจนานาชาติที่พลเมืองของตัวเองได้รับความเดือดร้อน เหมือนกับว่าไทยได้เป็นตัวแทนจัดการให้แล้วนั่นเอง และนี่คือโอกาสที่ทำให้ “ฮุน เซน” ต้องสิ้นสภาพแท้จริง !!



