xs
xsm
sm
md
lg

กต.สรุปท่าทีประท้วงเขมร ย้ำรุกการทูตทุกเวทีแจงประชาคมโลก-พบสื่อนอก ธ.ค.เป็นเจ้าภาพปราบสแกมเมอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กต. สรุปท่าทีประท้วง “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลง ย้ำ รุกการทูตทุกเวที แจงประชาคมโลก “สีหศักดิ์” เตรียมร่วมวงประชุมอินโด-แปซิฟิก พร้อมพบสื่อต่างประเทศ เผย ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมปราบสแกมเมอร์สากล ธ.ค.นี้
วันนี้ (17 พ.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศ ได้ดำเนินการทันทีในทุกระดับ และไม่มีช่องว่าง โดย 1. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้โทรศัพท์ประท้วงไปยังรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ถึงสองครั้งในทันที และทำหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย 2. ได้ชี้แจงหารือกับสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ทำหนังสือถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเอกสารเป็นการย้ำว่า ประเทศไทยยึดมั่นในเส้นทางแห่งสันติภาพ เคารพปฏิบัติตามประกาศร่วมสันติภาพ แต่การละเมิดของกัมพูชา ทำให้ไทยต้องสงวนสิทธิ์ตามความจำเป็นในการปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดน รวมถึงความปลอดภัยของประชาชน เราจึงต้องระงับการปฏิบัติตาม Joint Declaration เป็นการชั่วคราว ซึ่งไทยจะกลับมาปฏิบัติตามอีกครั้งก็ขึ้นอยู่กับท่าทีและความจริงใจของกัมพูชา

นายนิกรเดช กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำสหรัฐฯและผู้นำมาเลเซีย มีประเด็นสำคัญ คือนายกรัฐมนตรีขอให้มีการแยกเรื่องทวิภาคีของไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องความมั่นคงออกจากการเจรจาการค้าซึ่งเป็นผลประโยชน์ของไทยและสหรัฐอเมริกาไม่เกี่ยวกับประเทศอื่น พร้อมขอให้ประธานอาเซียนช่วยหาแนวทางฟื้นฟูกระบวนการสันติภาพ โดยคำนึงถึงข้อเสนอของไทย คือ ให้กัมพูชาขอโทษ สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แสดงความรับผิดชอบ รวมถึงป้องกันไม่ให้เหตุเกิดขึ้นอีกในอนาคต และผู้นำทั้งสองแสดงความเข้าใจและรับพิจารณาข้อเสนอของไทย

นายนิกรเดช กล่าวต่อว่า หลังการหารือทางโทรศัพท์นายกรัฐมนตรีจะมีหนังสืออีกฉบับถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อย้ำท่าทีของไทยและการที่กัมพูชาจะต้องกลับมาปฏิบัติตาม Joint Declaration โดยเฉพาะประเด็นการเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่และต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในชั้นนี้จึงขึ้นอยู่กับกัมพูชาที่ต้องกำหนดอนาคตของ Joint Declaration


นายนิกรเดช กล่าวว่า 3. กระทรวงการต่างประเทศได้ประท้วงในกรอบอนุสัญญาออตตาวา ไปยังประเทศที่ญี่ปุ่น ในฐานะประธานภาคีประชุมอนุสัญญาออตตาวา และทำหนังสือถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UNSG) แจ้งเรื่องการวางทุ่นระเบิดใหม่และการยั่วยุที่บ้านหนองหญ้าแก้ว โดยไทยจะยกประเด็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชาในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญา ครั้งที่ 22 วันที่ 1-5 ธ.ค.นี้ ที่นครเจนีวา และ 4.เรายังทำหนังสือประท้วงไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งศาสตร์ประชาชาติ (UNSC) เกี่ยวกับการลุกล้ำอธิปไตยไทย พร้อมให้เวียนหนังสือดังกล่าวให้รัฐสมาชิก UNSC ทราบด้วย

นายนิกรเดช กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ จะมีการชี้แจงต่อประชาคมโลกในทุกโอกาส โดยที่ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีอินโด-แปซิฟิก (IPMF) ครั้งที่ 4 และจะพบกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย โดยในวันที่ 25 พ.ย.นี้ รมว.การต่างประเทศจะร่วมเวทีเสวนากับสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศด้วย

นอกจากนี้ ประเทศไทยจะเดินหน้า ประเด็นที่ไทยให้ความสำคัญการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน และการประชุมเอเปก คือ เรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ต ระดับรัฐมนตรี ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ขอยืนยัน เราดำเนินการทูตเชิงรุกในทุกเวที

พาณิชย์ ยันเดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐฯ ชี้ไม่เกี่ยวเรื่องความมั่นคง ต้องจบปลายปีนี้

นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และการเจรจาการค้าไทยกับต่างประเทศ ว่า อย่างที่ทราบว่าเราได้พูดคุยกับสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการเจรจาภาษีต่างตอบแทน และการค้ามาโดยตลอด ซึ่งในช่วงที่รัฐบาลนี้เข้ามาก็ยังให้ความสําคัญกับเรื่องนี้ มีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง และจากข้อมูลล่าสุด ทั้งข้อความของและนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และนายโดนัลด์ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เรามีความมั่นใจว่าสหรัฐน่าจะยังมีเป้าหมายเดียวกับเรา ที่ยังยึดมั่นในเดตไลน์เดิมในการเจรจารายละเอียดของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาการค้าต่างตอบแทนให้เสร็จในสิ้นปีนี้


ทางกระทรวงพาณิชย์ เราย้ำกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) มาโดยตลอด ซึ่ง นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รมว.พาณิชย์ ที่มีการเจอกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในช่วงประชุมเอเปก มีการพูดถึงตลอดเวลาว่าเรื่องการค้าและความมั่นคงจะต้องแยกกันอย่างชัดเจน ในรายละเอียดสําหรับตัวข้อตกลงในประเทศเรามีการทํางาน ทําการบ้านอย่างจริงจัง และหารือกับสหรัฐฯ อย่างเข้มข้น มีการตั้งคณะทํางาน ด้านยุทธศาสตร์ ที่มี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นหัวหน้าคณะทํางานที่จะดูแลเรื่องนี้ และเรายังมุ่งมั่นทํางานในส่วนของเราเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการเจรจากับ สหรัฐอย่างต่อเนื่อง และยืนยันเป้าหมายเดิม

น.ส.โชติมา กล่าวต่อว่า สําหรับในประเทศเราเองเราได้เตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการในการเสริมสร้างขีดความสามารถ สินค้า ศักยภาพ และบริการด้านอื่นๆ รวมถึงการหาตลาดใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยระดับประเทศคู่เจรจาที่เรามีอยู่ และการขยายตลาดใหม่ จะต้องมีการทําการตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งสองสิ่งนี้ เราคิดว่าเป็นการเตรียมพร้อมผู้ประกอบการที่ต่อสู้ในช่วงที่ภาวะการแข่งขันค่อนข้างสูง และมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่จะเป็นผลกระทบต่อการค้าการลงทุนในระหว่างประเทศในช่วงนี้

“ขอยืนยันว่า ยังคงมีความมุ่งมั่นในเป้าหมายเดิม จะทํางานอย่างเต็มที่ จะมีการหารือทุกภาคส่วน อย่างที่เคยทํามาแล้ว และจะทําต่อไป ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการทั้งหลาย วัตถุประสงค์ในการเจรจา ผลประโยชน์ ผลกระทบอะไรต่างๆ จะนํามาพิจารณาอย่างครบถ้วนและรอบด้าน” น.ส.โชติมา กล่าว

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า สหรัฐฯส่งจดหมายมาว่าจะหยุดเจรจาการค้า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร น.ส.โชติมา ตอบว่า จากข้อความที่เรารับ ในวันเดียวกันก็ได้มีการพูดคุยระหว่างผู้นําทั้งสองประเทศ ขณะนี้ประเทศเราจะยึดสิ่งที่ผู้นําทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยกัน และจะยืนยันกลับไปยังยูเอสทีอาร์ ว่าเราจะเดินหน้าพร้อมเจรจากับยูเอสทีอาร์ ซึ่งในส่วนของการเจรจาหลังจากเราตกลงเรื่องกรอบกันแล้ว

ขณะนี้อยู่ในช่วงการหารือรายละเอียดของข้อตกลงการค้า ซึ่งเราต้องมีการทํางานภายในประเทศ ของทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายไทย มีคณะทํางานอยู่และจะมีการประชุมในเร็วๆ นี้ เพื่อทํางานให้พร้อม และจะมีการกําหนดวันต่อไป ซึ่งอาจจะต้องมีการสื่อสารกลับไปยังสหรัฐว่าเรามีความพร้อม ยืนยันในระหว่างนี้เรายังไม่มีการหยุดการทํางาน

เมื่อถามว่า การเจรจาการค้าครั้งต่อไปจะมีเรื่องเขตแดนเข้ามาต่อรองหรือไม่ น.ส.โชติมา กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการ นํารายละเอียดด้านความมั่นคงมาเกี่ยวข้องกับกรอบของการเจรจาด้วย อันนี้อาจจะเป็นปัจจัยที่อยู่ภายนอกของการเจรจา

จากนั้น อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การเจรจายังคงดำเนินการต่อไป แม้ยูเอสทีอาร์ จะแจ้งระงับการเจรจาการค้าและภาษีกับไทยชั่วคราว แต่เราจะไม่รอให้การเจรจาเนิ่นนานไปถึงช่วงปลายปี เราได้ยืนยันกลับไปว่า ทั้งเรื่องความมั่นคงและการเจรจาภาษีไม่เกี่ยวข้องกัน

ส่วนอัตราภาษีสินค้าไทยนำเข้าสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ 19 เปอร์เซ็นต์ และเป้าหมายในสิ้นปีจะแล้วเสร็จทุกอย่าง

เมื่อถามว่า หากการเจรจาไม่สิ้นสุดภายในสิ้นปีนี้ จะมีแผนรองรับหรือไม่ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่คิดว่าเราจะต้องทำงานกันต่อไป หากเป็นการเจรจาปกติ พร้อมยืนยันว่าไม่ขาดช่วง

เมื่อถามว่า ไทยจะขอลดอัตราภาษีนำเข้าให้ต่ำกว่า 19% หรือไม่ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ในฐานะนักเจรจาเราก็ต้องต่อรองเรื่อยๆ อยู่ตลอด พร้อมกับยืนยันว่าท่าทียูเอสทีอาร์ต่อฝ่ายไทยก็ยังคงเหมือน


กำลังโหลดความคิดเห็น