‘ณัฐพงษ์’ ย้ำเสียง ปชน.หนุน ‘อนุทิน’ เป็นนายกฯ เพื่อเปิดประตูแก้ รธน.หวังลูกหลานไทยอยู่ในประชาธิปไตย ไร้การรัฐประหาร นับหนึ่งหน้าที่ฝ่ายค้าน ไม่อนุญาตให้รัฐบาลใช้อำนาจโดยมิชอบ-แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
วันนี้(29 ก.ย.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่า วันนี้ไม่เพียงเป็นหมุดหมายแรกที่รัฐบาลใหม่เข้าทำงานภายใต้กรอบเวลา 4 เดือน แต่ยังเป็นหมุดหมายแรกของพรรคประชาชนในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อผลักดันประเทศเข้าสู่การทำประชามติและการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
นายณัฐพงษ์กล่าวว่าความสำคัญของรัฐธรรมนูญใหม่ โดยเปรียบเทียบกับสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกของแต่ละคนในชีวิต และกล่าวอย่างเจ็บแสบว่า ตลอด 19 ปีนับแต่รัฐประหารปี 2549 ประเทศไทยต้องเผชิญรัฐประหารซ้ำอีก 2 ครั้ง นายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งถูกปลดออกไปถึง 5 คน พรรคการเมืองใหญ่ถูกยุบ 7 พรรค การเลือกตั้งถูกล้ม 2 ครั้ง และเพียง 2 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเปลี่ยนนายกฯ ถึง 3 คน
“ไม่เคยมีคนไทยรุ่นไหนที่เข้าคูหาเลือกตั้งแล้วได้อยู่ในประชาธิปไตยเต็มใบอย่างมีเสถียรภาพ ไม่เคยมีรุ่นใดที่ดอกผลการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเกิดขึ้นจากแรงส่งของการเมืองภายในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย”
นายณัฐพงษ์ กล่าว พร้อมระบุว่า ลมการเมืองโลกวันนี้ไม่ได้เข้าข้างประเทศไทยอีกต่อไป การเมืองไทยติดหล่ม เพราะกลไกศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง มากกว่าการจับคนโกงลงโทษ ส่งผลให้ปัญหาทุจริตไม่เคยลดลง กลับยิ่งรุนแรงขึ้นทุกวัน ขณะที่ปัญหาสาธารณะ เช่น น้ำท่วม ไฟป่า การศึกษาและสาธารณสุข ก็ไม่เคยได้รับการจัดการอย่างเป็นระบบ
เยกตัวอย่างว่า คำขวัญ “น้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ” ที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 1 ปี 2504 ยังไม่อาจเป็นจริงในหลายพื้นที่ ชาวบ้านบางแห่งยังต้องตื่นตีห้าเพื่อไปต่อคิวโรงพยาบาล ถนนหนทางไม่สะดวก ระบบการศึกษาไม่สร้างทักษะที่จำเป็น หลายคนหลุดออกจากระบบทั้งที่ควรเป็นอนาคตของชาติ
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยโตช้ากว่าโลกและเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ที่แม้เผชิญวิกฤตก็ฟื้นตัวเร็ว แต่ไทยกลับไม่สามารถกลับมายืนในเส้นเดียวกับเศรษฐกิจโลกได้ โครงสร้างเศรษฐกิจอ่อนแอ อุตสาหกรรมล้าหลัง ตัวเลขคอร์รัปชันยังตกต่ำต่อเนื่อง ทั้งที่มีองค์กรตรวจสอบมากมาย แต่กลับถูกนำมาใช้เพื่อเล่นงานทางการเมืองมากกว่าปกป้องเงินภาษีประชาชน
“รัฐธรรมนูญและระบบการเมืองแบบนี้หรือที่จะพาประเทศไทยพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกวิ่งเร็ว แต่เศรษฐกิจไทยกลับติดหล่มอยู่กับที่
ถึงเวลายกเครื่องครั้งใหญ่ โดยรัฐธรรมนูญใหม่ต้องยึดโยงประชาชน ให้ได้รัฐบาลที่โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งด้วยความรู้ความสามารถ ไม่ใช่โควตาทางการเมือง พร้อมปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เลือกลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ไม่ยึดติดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่ คสช. เขียนไว้
พร้อมกันนี้ นายณัฐพงษ์ประกาศ 4 ภารกิจของฝ่ายค้านในช่วง 4 เดือนข้างหน้า ได้แก่1. ผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยึดโยงประชาชนมากที่สุด 2. เร่งผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น กฎหมายกระจายอำนาจ และกฎหมายการแข่งขันทางการค้า 3. แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและเรื่องตกค้างจากรัฐบาลชุดก่อน และ 4. ตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเข้มข้น ไม่ปล่อยให้ใช้อำนาจโดยมิชอบ หรือแต่งตั้งบุคคลไม่เหมาะสมเป็นรัฐมนตรี
“พรรคประชาชนโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ภายใต้ข้อตกลงในบันทึก MOA เพื่อเปิดประตูสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และจะใช้ 4 เดือนนี้เป็นบทพิสูจน์ให้ประชาชนตัดสินในวันหน้า สิ่งที่พวกเราอยากเห็นจากนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่แค่ท่านเคารพต่อข้อตกลงกับพรรคประชาชน แต่ต้องเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และเคารพต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชน ที่เป็นเจ้าของประเทศและผู้ทรงอำนาจสูงสุด” นายณัฐพงษ์ กล่าว