xs
xsm
sm
md
lg

ราคายางทะลุเลข 3 หลัก...ความฝันหรือความจริง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ภายในปลายปีนี้หรือต้นปี 2569 ราคายางจะมีเสถียรภาพมากขึ้น และมีโอกาสสูงที่จะได้เห็นราคายางแผ่นรมควันชั้น3 ทะลุเลข 3 หลักอย่างแน่นอน" ดร.เพิก เลิศวังพง รักษาการแทนผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)
 
สถานการณ์ราคายางล่าสุดในช่วงกลางเดือนกันยายน 2568 ราคา FOB(กรุงเทพฯ) ยางแผ่นรมควันชั้น 3เคลื่อนไหวอยู่ในระดับ 68-69 บาทต่อกิโลกรัม เหลือระเยะเวลา 3-4 เดือนราคายางจะขยับขึ้นทะลุ 100 บาทต่อกิโลกรัมได้หรือไม่ ? และมีปัจจัยอะไรหนุนถึงจะทำให้ราคายางพุ่งขึ้นอีกกว่า 30 บาทต่อกิโลกรัม ตามที่ รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.ได้คาดการณ์ไว้?

ดร.เพิก กล่าวว่า สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) ได้คาดการณ์ปริมาณการผลิตยางโลกในปี 2568 อยู่ที่ 14.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.4 %จากปีที่ผ่านมา แม้ปริมาณการผลิตจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการใช้ ซึ่งในปีนี้้คาดว่า ความต้องการใช้ยางอยู่ที่ 15.6 ล้านตันเพิ่มขึ้น 1.3 % จากปีที่ผ่านมามากกว่าปริมาณการผลิตประมาณ 700,000 ตัน ทั้งนี้ เนื่องจากการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมในประเทศจีนและอินเดีย ทำให้ความต้องการยางธรรมชาติจากทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว เพิ่มขึ้น 2.5% และ 3.4% ตามลำดับ เมื่อความปริมาณความต้องการใช้ยางหรืออุปสงค์(Demand) มากกว่า ปริมาณการผลิตยางหรืออุปทาน(Supply) ราคายางในปีนี้ก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกทางการตลาด โดยประเทศไทยยังคงเป็นประเทศผู้ส่งออกยางสูงสุดประมาณ 4.25 ล้านตัน รองลงมาเป็นเวียดนาม 2.01 ล้านตัน และอินโดนีเซีย 1.69 ล้านตันตามลำดับ

สำหรับการบริหารจัดการยางของประเทศไทยในปัจจุบัน กยท. ใช้กลไกทางการตลาดในการบริหารจัดการ ไม่ต้องนำงบประมาณแผ่นดินมาดำเนินโครงการต่างๆ ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างน่าพอใจ ราคายางได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ในปี 2567 สามารถขายยางได้คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 100,000 ล้านบาท ในปีนี้ก็เช่นเดียวกัน คาดว่าสิ้นปี 2568 มูลค่าการขายยางของไทยโดยรวม จะไม่ต่ำกว่า 300,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน พร้อมทั้งได้ผลักดันให้มีการนำราคาอ้างอิงยางพาราของประเทศไทย ไปใช้ในการซื้อขายแทนการใช้ราคาอ้างอิงจากตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าของต่างประเทศ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง แต่ราคาอ้างอิงของประเทศไทยนั้น เป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนและสถานการณ์ที่แท้จริงจากตลาดซื้อขายยางว่า 600 ตลาดทั่วประเทศไทย
 
อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการยางตามกลไกทางการตลาดจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด จะต้องไม่มียางนอกระบบหรือยางเถื่อนเข้ามาในประเทศ ซึ่งในปีนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ขับเคลื่อนและสานต่อนโยบายทำสงครามกับการลักลอบนำเข้าสินค้าเกษตรเถื่อนรวมถึงยางพาราด้วย โดยได้มีการทบทวน ปรับปรุง กฎหมาย ประกาศและระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อุดช่องโหว่ในทุกๆด้าน ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการในเชิงรุก เพิ่มความเข้มข้นในการปราบปราม ไม่เฉพาะการลักลอบนำเข้ายางเท่านั้น แต่จะดำเนินการปราบปรามลักลอบส่งออกยางโดยไม่เสียภาษีด้วย พร้อมทั้งได้เพิ่มบทลงโทษให้ผู้ลักลอบนำเข้า-ส่งออกยางพาราที่หนักขึ้น และถ้าผิดจริงจะมีการยึดทรัพย์ โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ด้วย
 
นอกจากนี้ กยท.จะเร่งออกโฉนดต้นยางให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เนื่องจากโฉนดต้นยางมีส่วนสำคัญในการแก้ปัญหาการลักลอบน้ำเข้ายางเถื่อนตามแนวชายแดนได้อย่างครอบคลุม เพราะโฉนดต้นยางจะทำให้สามารถระบุพิกัดที่ตั้งของต้นยาง ปริมาณผลผลิต และเจ้าของได้อย่างแม่นยำ ในขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรฯยังได้ออกประกาศเขตควบคุมยาง โดยกำหนดให้การเคลื่อนย้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนที่ติดประเทศเพื่อนบ้านจะต้องจัดทำรายงานการซื้อขายยางและขออนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร ซึ่งจะป้องกันการลักลอบนำเข้ายางมาสามารถสวมสิทธิ์แหล่งที่มาของยางได้ ทำให้การบริหารจัดการยางภายในประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความเป็นธรรมให้เกษตรกรชาวสวนยาง และสร้างเสถียร ภาพราคายางอย่างยั่งยืน
รักษาการแทนผู้ว่าการ กยท. กล่าวต่อว่า มาตรการงดกรีดยาง 1 เดือนในเดือนมิถุนายน 2568ที่ผ่านมา เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้น เพราะมาตรการดังกล่าวทำให้ปริมาณยางหายไปจากตลาดประมาณ 200,000 ตัน ประกอบกับในช่วงนี้เป็นฤดูฝนจะกรีดยางได้ลดลง เมื่อปริมาณยางมีน้อยจะทำให้ราคาเพิ่มขึ้นตามกลไกการตลาด ในขณะเดียวกัน กยท. ยังนำโครงการชะลอการขายยางมาใช้เป็นอีกมาตรการหนึ่งในการควบคุมปริมาณผลผลิตยางพาราที่เข้าสู่ตลาดให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้ยาง คาดว่าจะสามารถดูดซับปริมาณยางได้อีกประมาณ 200,000 ตัน โดย กยท. จะนำไปผลิตเป็นยางแท่ง STR ลดความผันผวนด้านราคา ทำให้ราคายางพารามีเสถียรภาพ

มาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมประสานกับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงานให้ใช้ยางล้อมาตรฐานระดับโลก แบรนด์ “Greenergy Tyre” ของ กยท. ในการเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ราชการเมื่อครบอายุการใช้งาน คาดว่าจะเริ่มส่งยางล้อให้ได้ภายในปลายปีนี้อย่างแน่นอน รวมทั้งยังเตรียมลงนามความร่วมมือ(MOU) กับกรมชลประทานนำท่อยางพาราไปใช้ระบบบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้ กยท.มีเทคโนโลยีการผลิตท่อยางที่ใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมหลักขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซ็นติเมตร เพื่อใช้ในการส่งน้ำทดแทนการส่งน้ำโดยใช้คลองส่งน้ำ โดยจะสร้างเป็นโครงข่ายบริหารจัดการน้ำเพื่อส่งน้ำให้ถึงแปลงเกษตรกร หรือโรงงานอุตสาหกรรม ช่วยลดการสูญเสียน้ำ และที่สำคัญมีความแข็งแรง ความยึดหยุ่นสูง ทดต่อแรงดันและความร้อนสูง รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้เป็นข้อท่อสำหรับท่อส่งน้ำเหล็กหรือท่อพีวีซี เพื่อให้ท่อมีความยืดหยุ่นสามารถส่งน้ำได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้มาตรการที่สหภาพยุโรปจะบังคับใช้กฎหมาย EU Deforestation-free Products Regulation (EUDR)จะเป็นปัจจัยบวกอีกปัจจัยหนึ่งที่จะส่งผลให้ราคายางของไทยเพิ่มสูงขึ้น
 
EUDR กฎระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปที่ห้ามนำเข้าสินค้าที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ดังนั้น สินค้าและผลิตภัณฑ์จากยางส่งเข้าไปในสหภาพยุโรป จะต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบได้ว่ามาจากสวนยางที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อยู่ในพื้นที่ต้นน้ำ พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่ป่า รวมทั้งจะต้องการจัดการสวนยางพาราที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยเป็นเพียง 1 ใน 2 ประเทศของโลกที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงที่มาของยางพาราได้
กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบันทำให้หลายประเทศอาจจะนำกฎหมายในลักษณะเดียวกันกับ EUDR มาบังคับใช้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อยางพาราของไทย เพราะประเทศที่ต้องการส่งสินค้าและผลิตภัณฑ์จากยางไปจำหน่ายในตลาดสหภาพยุโรปหรือประเทศที่บังคับใช้กฎหมายในลักษณะเดียวกันมาบังคับใช้ ต้องซื้อยางพาราจากประเทศไทยเท่านั้น โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกยางพาราที่ใหญ่ที่สุดของไทยประมาณปีละ 2-3 ล้านตัน จากความต้องการใช้ยางพาราของจีนปีละประมาณ 7 ล้านตัน
 
ทั้งนี้ ในปัจจุบันประเทศจีนเป็นประเทศที่มีโรงงานผลิตยางล้อรถยนต์มากอันดับ 1 ของโลก กว่า 300 แห่ง โดยมีบริษัทผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ยี่ห้อดังของโลกไม่น้อยว่า 26 บริษัท ได้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในจีน มียอดการผลิตรวมไม่น้อยกว่า 500 ล้านเส้นต่อปี และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประมาณ 40 % ของยางรถยนต์ที่ผลิตในจีนจะถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป เป็นต้น นอกจากนี้ จีนยังส่งออกผลิตภัณฑ์ยางพาราอื่นๆ อีกด้วย เช่น สายพานยาง รองเท้าแตะ เป็นต้น ดังนั้น หากจีนต้องการส่งออกยางรถยนต์และผลิตภัณฑ์ยางพาราไปสหภาพยุโรป หรือประเทศอื่นๆ ที่มีการบังคับใช้กฎระเบียบเช่นเดียวกับ EUDR จีนจะต้องซื้อยางพาราจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
 
ประกอบกับล่าสุดประเทศจีน ได้ยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราธรรมชาติจากไทย (ครอบคลุมพิกัดศุลกากร HS Code 4001, 4002 ) ที่ขนส่งผ่านช่องทางแม่น้ำโขง เป็น 0% จากเดิมที่ต้องเสียภาษีนำเข้าประเทศจีนถึง 20% ถือเป็นการสร้างโอกาสให้ไทยสามารถขยายตลาดยางในจีนได้เพิ่มขึ้น และมีศักยภาพในการแข่งขันเท่าเทียมกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ว่าจะเป็นประเทศลาว เมียนมา และกัมพูชา ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเป็น 0% เนื่องจากเป็นประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด (LDCs) ประกอบกับกลุ่มทุนประเทศจีนได้เข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าวโดยตรง ทั้งในด้านการปลูกยางและตั้งโรงงานแปรรูป ที่ผ่านมาจึงได้รับสิทธิประโยชน์เหนือกว่ายางพาราไทย โดยการยกเว้นภาษีนำเข้ายางพาราธรรมชาติจากไทย จะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ เป็นต้นไป

ดังนั้น หากจีนลดภาษีนำเข้ายางจากไทยเหลือ 0% จะทำให้ไทยมีโอกาสขยายตลาดยางในประเทศจีนได้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่ประเทศไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดยางสูงสุดประมาณ 32% ซึ่งจะมีส่วนสำคัญทำให้ปรับตัวสูงขึ้น และสร้างความมั่นคงให้เกษตรกรชาวสวนยาง

“ราคายางในปัจจุบัน มีสเถียรภาพมากขึ้น มีการปรับตัวขึ้นบ้างลงบ้าง เป็นไปตามกลไกการตลาด ผมเข้ามาบริหาร กยท. ตั้งแต่เป็นประธานบอร์ด กยท. จนมาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการแทนผู้ว่าการ กยท.ในปัจจุบัน ราคายางไม่เคยต่ำกว่าราคาก่อนที่ผมจะเข้ามาบริหาร คือราคาก้อนถ้วย ไม่เคยต่ำกว่า 18 บาทต่อกิโลกรัม ราคายางแผ่นรมควันชั้น3 ไม่เคยต่ำกว่า 49 บาทต่อกิโลกรัม และที่สำคัญเป็นราคาที่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสถานการณ์ยางมากขึ้น ซึ่งหากราคายางเป็นไปตามกลไกการตลาดที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริงแล้ว ราคายางในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้ามีแนวโน้มที่สดใสอย่างแน่นอน" ดร.เพิกกล่าว

ในปี 2567 ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 (FOB กรุงเทพฯ) เคยไต่ระดับขึ้นเกือบทะลุเลข 3 หลัก หรือกิโลกรัมละกว่า 100 บาท ซึ่งในช่วงนั้น ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนที่จะพ้นตำแหน่งไป มาครั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ได้รับโปรดเกล้าฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้นโยบายและมาตรการเกี่ยวกับยางที่ดำเนินการอยู่แล้วถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันให้มีการนำราคาอ้างอิงยางพาราของประเทศไทยมาใช้ในการซื้อขาย การประกาศสงครามกับยางเถื่อนอย่างจริงจัง มาตรการเพิ่มปริมาณการใช้ยางในประเทศ โครงการชะลอการขายยาง การออกโฉนดต้นยาง มาตรการรองรับการบังคับใช้กฎหมาย EUDR เป็นต้น ซึ่งจะล้วนเป็นปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคายางปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพ ผนวกกับสถานการณ์ยางตามที่ ANRPC คาดว่า ปีนี้ความต้องการใช้ยางมากกว่าปริมาณการผลิตยาง ตลอดจนจีนลดภาษีนำเข้ายางจากไทยเหลือ 0 %
 
โอกาสที่ราคายางจะทะลุเลข 3 หลักต่อกิโลกรัมอีกครั้งภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า จึงมีความเป็นไปได้สูงอย่างแน่นอน...ฟันธง!!


















กำลังโหลดความคิดเห็น