กมธ.ศึกษา MOU 43-44 วุฒิสภา หนุนว่าที่ รมว.พลังงาน แก้ปมเขตแดนให้จบก่อนคุยผลประโยชน์ทางทะเล เชื่อสร้างความสบายใจให้ประชาชน มั่นใจทหารพิจารณารอบคอบ ควรเปิดด่านหรือไม่
วันนี้ (13 ก.ย. 2568) นายนพดล อินนา ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา วุฒิสภา กล่าวถึง ความคืบหน้าการพิจารณา MOU 2543 และ MOU 2544 ว่า เมื่อวันที่ประชุมล่าสุด ได้ให้เจ้ากรมแผนที่ทหารมารายงานเรื่องการปักปันเขตแดนที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง ท่านก็รายงานว่ามีการปักปันเขตแดนโดยใช้ไม้เป็นหลัก ต่อมาไม้ก็หายบ้าง จึงมีการตกลงกันระหว่าง 2 ประเทศ ว่าจะปักหมุดเป็นหลักปูน โดยปักได้ครบทั้งหมด 74 หลักแล้ว ซึ่งการปักปันเขตแดนสมัยก่อนมีการให้ถ้อยคำด้วยวาจา บันทึกนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญว่าหลักใดที่มีการเคลื่อนย้ายหรือสูญหายไป ก็จะเอาบันทึกวาจานี้มาดูอีกครั้งหนึ่ง
นายนพดล กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังพูดคุยถึงการจะไปลงพื้นที่จริง ในหลักหมุดที่ 73 ในจังหวัดตราดรวมถึงพื้นที่พิพาททางน้ำ โดยการประชุมครั้งต่อไป จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ทำงานเกี่ยวกับพื้นที่ทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ รวมทั้งบุคคลที่เป็นทหารเรือใน กมธ.จะมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
เมื่อถามว่าเรื่องทางน้ำถือว่าน่าห่วงกว่าทางบกหรือไม่ นายนพดล กล่าวว่า บริเวณพื้นที่พิพาททางน้ำ หลังจากที่ MOU แล้วยังมีการดำเนินการใดๆ มากนัก จึงคิดว่าเมื่อเรามีข้อมูลน่าจะดำเนินการไปได้เร็วกว่าบริเวณพิพาทที่เป็นพื้นที่ทางบก
ส่วนที่ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ ระบุว่าจะต้องเคลียร์ปัญหาพิพาทชายแดนก่อน ถึงจะพูดคุยผลประโยชน์ทางทะเล นายนพดล กล่าวว่า เรื่องเขตแดนเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้ามีข้อสรุปหรือข้อเท็จจริงครบถ้วนสมบูรณ์ ตนคิดว่าฝ่ายบริหารจะตัดสินใจได้ในอนาคต
“ถ้าท่านรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ท่านกล่าวว่ารอผลการศึกษาเรื่องเขตแดนให้ชัดเจนก่อน แล้วไปดำเนินการ ผมคิดว่าก็ถูกต้องแล้ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนสบายใจด้วย กมธ.จะมีการรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ จะไม่รอให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยถึงไปรายงาน” นายนพดล กล่าว
เมื่อถามถึงมาตรการเปิดด่านที่กำลังเป็นประเด็นรุนแรงตอนนี้ นายนพดล กล่าวว่า เรื่องเศรษฐกิจ เราก็เข้าใจว่ารายได้ที่จะเข้าประเทศก็สำคัญ แต่ทั้งหลายทั้งปวง เรื่องความมั่นคงก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากว่ากัน เราเห็นมาแล้วว่าถ้าเกิดมีการปะทะกันเหมือนครั้งที่ผ่านมา จะเห็นว่าเศรษฐกิจเดินต่อไปลำบากเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ความมั่นคงน่าจะมาก่อนเศรษฐกิจ
“ผมคิดว่าแบบนั้น ในความเห็นส่วนตัว ทางทหารได้พิจารณาอย่างรอบคอบและอยู่ในพื้นที่โดยตรง เขาคงจะรู้ว่าด่านไหนควรเปิด ด่านไหนไม่ควรเปิด ท่านคงใช้วิจารณญาณได้ชัดเจนกว่าพวกเรา เพราะฉะนั้น การที่ทหารพูดมาว่ายังไม่ควรเปิดในขณะนี้ ผมคิดว่าท่านคงได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว”