xs
xsm
sm
md
lg

“อดีต สว.สมชาย” แนะนายกฯ 7 ข้อ เร่งนำพาประเทศพ้นวิกฤต “ปากเหว”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 ดร.สมชาย แสวงการ
“สมชาย แสวงการ” เสนอแนะ “อนุทิน” เร่งแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เศรษฐกิจปากท้องและปัญหาความเหลื่อมล้ำของพี่น้องประชาชน ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงต้องเร่งสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมให้เดินหน้า ตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว

วันนี้ (7 ก.ย.) ดร.สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า #ประเทศไทยต้องมาก่อน #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #ชนะ #นิติสงคราม #สามก๊ก นายกคนที่ 32 นายอนุทิน ผู้นำรัฐบาลเฉพาะกิจ มีเวลาน้อยและมากด้วยข้อจำกัด ต้องเร่งแก้ปัญหาบ้านเมือง ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง

การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่มีปัญหารุมเร้า ทั้งปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาความมั่นคงทางภูมิภาครัฐศาสตร์ในภูมิภาคอาเซียนและระดับโลก ปัญหาเศรษฐกิจชาติและเศรษฐกิจปากท้องของพี่น้องประชาชน ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นทุกระดับชั้น เงื่อนไขมากมาย ทั้งต้องทำประชามติ เพื่อล้มรัฐธรรมนูญ 2560 ร่างใหม่ทั้งหมดโดย ส.ส.ร  ที่มาจากการเลือกตั้ง และให้ยุบสภาภายใน 4 เดือนข้างหน้า เป็นเงื่อนไขบังคับจากพรรคประชาชนที่มีเสียงข้างมากและพร้อมล้มรัฐบาลได้ตลอดเวลา

ปัญหาที่ถูกตั้งธงทำนิติสงครามจากพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่วันแรกและจะมีเพิ่มขึ้นอีกมากมายตามนั้น นับว่า ไม่ง่ายต่อการนำพารัฐนาวาผ่านวิกฤตนี้ไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจึงมีเวลาจำกัดและข้อจำกัดมากในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองยามนี้

ผมจึงมีข้อเสนอแนะบางประการ มายังท่านอนุทิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาดังนี้ครับ

1) ควรจัดตำแหน่งรัฐมนตรีคนนอก 1 ใน 3 หรือกึ่งหนึ่งของ ครม เท่ากับโควตา จำนวน สส ที่พรรคประชาชนไม่รับตำแหน่งใดๆในรัฐบาล โดยนำบุคลากรที่มีศักยภาพ ทั้งอดีตผู้บริหารราชการแผ่นดิน ผู้บริหารองค์กรเอกชน นักวิชาการ ที่มีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต มาช่วยทำหน้าที่รัฐมนตรีในการบริหารบ้านเมืองใน ครม.เฉพาะกิจนี้ เช่นที่นายกฯ ได้ทาบทาม บุคคล 3 ท่าน ที่เป็นคนนอก เข้ามาเป็น รมต ต่างประเทศ รมต คลัง รมต พลังงาน สังคมหลายภาคส่วนได้ให้การยอมรับ จึงขอเสนอให้พิจารณาบุคคลภายนอก ที่สังคมเชื่อถือ มาช่วยใน ครม.เพิ่มอีก อาทิ รมต ยุติธรรม รมต กลาโหม รมต พาณิชย์ ฯลฯ

2) นายกรัฐมนตรีต้องคัดเลือกและตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีทุกท่านอย่างเข้มงวด ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ รวมถึงตรวจสอบบรรดารัฐมนตรีโควตาที่มาจากทุกพรรคการเมือง มิให้ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามโดยเฉพาะประเด็นที่อาจเป็นผู้ที่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และอาจประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยต้องยึดหลักตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่เคยให้ 2 อดีตนายกฯ พ้นตำแหน่ง มาแล้ว คือ คดี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ สว.ปัจจุบันยื่น และคดี นายเศรษฐา ทวีสิน ที่ผมและอดีต 40 สว.ยื่น โดยต้องพิจารณาประกอบกับสาระของหนังสือที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร 0508/2564 เรื่อง ขอซักซ้อมแนวทางปฏิบัติในการเสนอเรื่องที่ต้องนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระมหากรุณา ไม่มีข้อยกเว้นในเรื่องนี้ให้กับคุณสมบัติรัฐมนตรีคนใดได้ เพราะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร และมีพรรคการเมืองบางพรรคและภาคสังคมที่ทำหน้าที่ตรวจสอบต่างรอยื่นดำเนินคดีอยู่แน่นอน

3) นายกฯ ต้องเป็นผู้นำปลุกจิตสำนึกความเป็นชาติ โดยยึดผลประโยชน์ชาติเป็นสำคัญโดยมีนโยบายในการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา สนับสนุนกองทัพไทยในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ให้มีการดำเนินนโยบายการต่างประเทศอย่างถูกต้องและมีความเป็นมืออาชีพในเวทีโลกและสหประชาชาติ รวมถึงการเร่งเจรจา JBC GBC RBC เรื่อง การให้กัมพูชาถอนกำลังออกจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตามแผนที่ 1:50,000 ให้ได้ข้อยุติในเวลาอันใกล้โดยหากเจรจาไม่มีข้อยุติต้องยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้กัมพูชามาแบ่งเคลมแหล่งพลังงานมูลค่ามหาศาลมากกว่า 10 ล้านล้านบาทในอ่าวไทยได้อีกต่อไป

4) รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและปัญหาความเหลื่อมล้ำของพี่น้องประชาชนโดยเร่งด่วน ยกเลิกโครงการแจกเงินที่สร้างภาระหนี้ประชาชาติ ปรับเปลี่ยนเป็นการเร่งพัฒนาคนและส่งเสริมเสริมศักยภาพแทน ปรับแก้กฎหมาย กฎระเบียบที่ล้าสมัย เพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจในการแข่งขันการค้าให้กับคนไทยและภาคธุรกิจไทย ฯลฯ

5) รัฐบาลต้องเร่งขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกและเกิดขึ้นในทุกระดับทั้งส่วนกลางและภูมิภาค อย่างจริงจัง

6) รัฐบาลต้องเร่งสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมให้เดินหน้า ตรงไปตรงมา ไม่บิดเบี้ยว กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย บังคับใช้กับคนไทยทุกคนอย่างเสมอภาค ยึดมั่นในหลักนิติรัฐนิติธรรม

7) รัฐบาลต้องเร่งขจัดปัญหายาเสพติดทุกประเภท รวมถึงการออกกฎหมายควบคุมกัญชาที่ปล่อยปละละเลยมาจนกลายเป็นกัญชาเสรี เกิดปัญหาบานปลายขึ้นในสังคมและกระทบการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติในปัจจุบัน

เห็นใจครับว่า นายกฯ และรัฐมนตรีชุดใหม่ ไม่มี honeymoon period หรือมีเวลามากพอเช่นรัฐบาลอื่นก่อนหน้านี้ เพราะประเทศไทยกำลังป่วยเรื้อรัง เป็นความท้าทายระดับวิกฤต (Critical Challenge) แต่เชื่อมั่นว่า ถ้ารัฐบาล สภา และประชาชนร่วมมือกัน เราจะช่วยกันพลิกฟื้นประเทศไทยได้ครับ แต่ถ้ายังปล่อยให้พรรคการเมือง กลุ่มธุรกิจการเมืองครอบงำ ยังคงทุจริตและทำกันแบบเดิมๆ

ประเทศไทย คงไม่พ้นวิกฤต “ปากเหว” กลายเป็น ”failed state หรือ รัฐล้มเหลว” ในอนาคตอันใกล้นี้ก็เป็นได้ ครับ

จึงขอเสนอแนะมาด้วยความหวังดีจากใจครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น