สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความตำรวจ ปอท.เอาผิด เพจเฟซบุ๊ก The Critics และ YouTube สถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงกระบวนการไต่สวนของศาล รธน. ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ และละเมิดอำนาจศาล
วันนี้(28 ส.ค.) สํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า ตามข่าวสํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ ข่าวที่ 30/2568 วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568 สํานักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่ามีการเผยแพร่คลิปและข่าวในสื่อสารมวลชนหลายช่องทางอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาลลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และเข้าข่ายละเมิดอํานาจศาลตามมาตรา 38 และมาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 และข้อ 10 และ ข้อ 11 ของข้อกําหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 สํานักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะดําเนินการทางกฎหมายแก่บุคคลที่กระทําการบิดเบือนและเผยแพร่คลิปดังกล่าวต่อไป นั้น
เมื่อวันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568 สํานักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ร้องทุกข์ต่อ พนักงานสอบสวน กองกํากับการ 2 กองบังคับการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 กองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ดําเนินการทางกฎหมายกับ Facebook The Critics และ YouTube สถาบันทิศทางไทย ซึ่งได้เผยแพร่ข่าวอันเป็นเท็จบิดเบือนข้อเท็จจริง ในกระบวนการไต่สวนของศาลตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าว จากกรณี เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรรมนูญ มาตรา 170 วรรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารฯ นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ (เรื่องพิจารณาที่ 18/2568)
เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 38 วรรคหนึ่ง นั้น
แต่ปรากฏว่าภายหลังวันดังกล่าว มีการเผยแพร่คลิปและข่าวในสื่อสารมวลชนหลายช่องทางอันเป็นเท็จ บิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาล ลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวอ้างว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งพูดกับผู้ถูกร้องว่า "นั่งลงลูก" ซึ่งความจริงพูดว่า "นั่งลงครับ"
ซึ่งการเผยแพร่และบิดเบือนดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 38 และมาตรา 39แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 และข้อ 10 และข้อ 11 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจึงได้มีการดำเนินการทางกฎหมายดังกล่าวต่อไป