xs
xsm
sm
md
lg

ครม.เห็นชอบชดเชยดอกเบี้ยให้ชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการน้ำ-ซื้อเครื่องจักรเพิ่มประสิทธิภาพลดฝุ่น PM 2.5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ครม.เห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก

วันนี้ (26 ส.ค.) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เสนอ ตามความเห็นสำนักงบประมาณ ดังนี้

1. เห็นชอบในหลักการโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยสำหรับบริหารจัดการแหล่งน้ำและซื้อเครื่องจักรการเกษตรในไร่อ้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ปี 2568-2570 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568-2570)

1.1 กำหนดระยะเวลาการชำระเงินคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามโครงการ โดยแยกตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน หากกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งโดยการพัฒนาแหล่งน้ำและพัฒนาระบบการให้น้ำและเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี และหากกู้เงินเพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 8 ปี

1.2 ให้รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ย โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการ ดังนี้
(1) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการฯ สำหรับเกษตรกรรายคน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี
(2) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามโครงการฯ สำหรับกลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี
(3) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ วัตถุประสงค์เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรการเกษตร ประเภทรถบรรทุกและพ่วงบรรทุก รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับ รัฐบาลไม่ต้องชดเชยดอกเบี้ย

2. อนุมัติกรอบวงเงินฯ เพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการ ปี 2568-2570 ให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 945 ล้านบาท
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อก. ได้มีหนังสือไปยัง ธ.ก.ส. พร้อมรายละเอียดด้านงบฯ ในการดำเนินโครงการ ซึ่ง ธ.ก.ส. แจ้งว่า มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอในการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว ทั้งนี้ คกก. อ้อยและน้ำตาลในการประชุม ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบโครงการฯ แล้ว โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้

(1) วัตถุประสงค์ของโครงการ - เพื่อจัดหาแหล่งเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำให้กับระบบอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล สนับสนุนการจัดหาแหล่งน้ำ การจัดหาอุปกรณ์การบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อยให้เพียงพอในการปลูกอ้อย หรือจัดหาแหล่งน้ำสำรองเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเมื่อเกิดภัยแล้ง และส่งเสริมให้มีการนำเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาใช้ในการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร เพื่อลดปัญหาการเผาอ้อยและฝุ่น PM 2.5

(2) วงเงินสินเชื่อจากเงินทุนของ ธ.ก.ส. - วงเงิน 2,000 ล้านบาท/ปี ระยะยเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท โดยให้โรงงานน้ำตาลเป็นผู้ค้ำประกันลูกค้าผู้กู้แต่ละรายเต็มวงเงินกู้

(3) วงเงินกู้ต่อราย - แต่ละรายเมื่อรวมทุกวัตถุประสงค์แล้ว ต้องไม่เกิน 38.05 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นวัตถุประสงค์ ดังนี้

3.1 เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อยวงเงินรวมรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท

3.2 เพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย เป็นแปลงใหญ่ให้เหมาะสมกับเครื่องจักรกลการเกษตร รายละไม่เกิน 500,000 บาท ในอัตราไม่เกินไร่ละ 2,500 บาท

3.3 เพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร - รถตัดอ้อย รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท รถคีบอ้อย รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท รถแทรกเตอร์ รายละไม่เกิน 6 ล้านบาท อุปกรณ์ส่วนควบและอุปกรณ์ทางการเกษตรอื่นๆ รายละไม่เกิน 10.55 ล้านบาท ตามวงเงินที่กำหนดไว้ในแต่ละรายการ รถบรรทุกและพ่วงบรรทุก และอากาศยานไร้คนขับ รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ตามวงเงินที่กำหนดไว้ในแต่ละรายการ

(4) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ - (4.1) เกษตรกรรายคน คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (4.2) กลุ่มเกษตรกร หรือสหกรณ์การเกษตร หรือสถาบันชาวไร่อ้อย หรือกลุ่มบุคคล หรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชน-คิดดอกเบี้ยในอัตรา MLR โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 2 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ (4.3) จัดซื้อเครื่องจักรการเกษตร ประเภทรถบรรทุกและพ่วงบรรทุก รวมทั้งอากาศยานไร้คนขับ - เรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตราร้อยละ 1.50 ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในส่วนที่เหลือ

(5) ระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ - (5.1) วัตถุประสงค์การกู้เงินเพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำและบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย และเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเป็นรายงวดโดยให้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี (5.2) วัตถุประสงค์การกู้เงินเพื่อเพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร สำหรับเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรเก่า กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 6 ปี และสำหรับเครื่องจักรกลเพื่อการเกษตรใหม่ กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน 8 ปี

(6) ระยะเวลาดำเนินการ - (6.1) ระยะเวลาจ่ายเงินกู้ 3 ปี (ตั้งแต่ ครม. มีมติ - 30 กันยายน 2570) (6.2) ระยะเวลาดำเนินโครงการชดเชยดอกเบี้ยฯ (ตั้งแต่ ครม. มีมติ - 30 กันยายน 2578) (6.3) ระยะยเวลาชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ 8 ปี โดยรัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้นับตั้งแต่วันรับเงินกู้แต่ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2578

(7) งบฯ - รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธ.ก.ส. จำนวน 945 ล้านบาท และให้ ธ.ก.ส. ขอรับจัดสรรจากงบฯ ประจำปี ตามภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินโครงการรวมถึงดอกเบี้ยที่พึงได้ให้นำมาบวกกลับกำไรสุทธิเพื่อปรับตัวชี้วัดทางการเงินที่เกี่ยวข้องตามบันทึกข้อตกลงการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ และแยกเป็นบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ

โครงการเป็นการเพิ่มโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อยและทำให้เกษตรชาวไร่อ้อยมีแหล่งน้ำใช้ตลอดฤดูการเพาะปลูกอ้อย และช่วยลดภาระทางการเงินของเกษตรกรชาวไร่อ้อย รวมทั้งจูงใจให้นำเครื่องจักรกลทางการเกษตรมาใช้ในการปลูกอ้อยและการเก็บเกี่ยวอ้อยให้มากขึ้น

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความเห็นเพิ่มเติม เช่น ให้ ธ.ก.ส. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบฯ เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบฯ ตามความจำเป็นเหมาะสมและภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามขั้นตอนต่อไป ธ.ก.ส ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจะต้องจัดทำบัญชีสำหรับการดำเนินกิจกรรม มาตรการหรือโครงการที่ได้รับมอบหมายแยกต่างหากจากบัญชีการดำเนินงานทั่วไป พร้อมทั้งเสนอรายงานผลการดำเนินดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมายและผลสัมฤทธิ์ต่อรัฐมนตรีเพื่อเสนอต่อครม. และเปิดเผยให้สาธารณชนทราบรวมทั้งเผยแพร่ผ่านทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรควบคุมดูแลให้นำสินเชื่อไปใช้ตรงตามวัตถุประสงค์ รวมถึงควรกำหนดให้มีการนำเครื่องจักรกลการเกษตรที่จัดซื้อมาเป็นหลักประกัน เพื่อให้มั่นใจว่ามีการซื้อเครื่องจักรจริง และช่วยลดความเสี่ยงแก่ผู้ให้กู้ยืม


กำลังโหลดความคิดเห็น