“ณัฐพงษ์” โวยถูก “กัลฟ์” ฟ้องอาญา-แพ่ง หลังเปิดปมโครงสร้างค่าไฟไม่เป็นธรรม ยันไม่หวั่นไหว-เดินหน้าทวงคืนค่าไฟที่เป็นธรรมให้ประชาชน
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และ นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าวกรณีพรรคประชาชนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีจากกลุ่มทุนพลังงานขนาดใหญ่ จากการเรียกร้องกรณีค่าไฟฟ้าที่ไม่เป็นธรรมในประเทศไทย ที่เกิดจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาลหลายสมัยที่ผ่านมา
.
โดย นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ที่ผ่านมา พรรคประชาชนได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยมีโครงสร้างพลังไฟฟ้าที่เป็นธรรม โปร่งใส และสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง พรรคประชาชนเล็งเห็นว่าค่าไฟฟ้าไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวเลขที่มองเห็น แต่เป็นต้นทุนในการดำเนินชีวิตและการประกอบธุรกิจของประชาชนคนไทยและผู้ประกอบการทุกคนในประเทศนี้
ที่ผ่านมา พรรคประชาชนได้สะท้อนปัญหาหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนแฝงที่เกิดขึ้นจากโรงไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกิน แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่แผนพลังงานแห่งชาติฉบับใหม่ก็ยังไม่ได้แก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังมีการเปิดช่องให้รัฐบาลสามารถรับซื้อพลังงานไฟฟ้าที่ล้นเกินเพิ่มขึ้นต่อไปได้อีก และยังมีการเปิดช่องให้มีการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมที่เกินความจำเป็นเหมือนที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาชนที่ผ่านมาได้ใช้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการแถลงข่าว การตั้งกระทู้ถาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันให้รัฐบาลมีการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เช่น การผลักดันที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2567 ที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดการยกเลิกโครงการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ และ 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งช่วงต้นดูเหมือนมีแนวโน้มที่ดีหลังจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้ชะลอการรับซื้อนรอบ 3,600 เมกะวัตต์ แต่ก็เป็นที่น่าผิดหวังที่รัฐบาลอาศัยจังหวะที่ข่าวเงียบลง เดินหน้าการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าในส่วนนี้ต่อ โดยเปลี่ยนวิธีเป็นการเจรจาลดราคารับซื้อจากเอกชนแทน ทั้งที่โครงการดังกล่าวมีปัญหา 4 ประการด้วยกัน คือ
1) เป็นกระบวนการที่ไม่เปิดประมูลในการรับซื้อ ใช้ราคารับซื้อเดิมทั้งที่ราคาพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนมีแนวโน้มลดลงทุกปี แต่รัฐบาลกำลังจะรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนที่แพงเกินจริง 2) ไม่มีการเปิดเผยเกณฑ์การให้คะแนนก่อนการเริ่มกระบวนการคัดเลือก ซึ่งที่ผ่านมาศาลก็เคยมีแนววินิจฉัยแล้วว่ากระบวนการเช่นนี้ไม่ถูกต้องไม่โปร่งใส 3) ไม่มีเหตุผลรับรองใดว่าประเทศไทยมีความจำเป็นต้องสำรองไฟฟ้าเพิ่มเติม เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยมีไฟฟ้าสำรองที่ล้นเกินอยู่แล้ว และ 4) กระบวนการนี้เป็นการกีดกันการแข่งขัน เนื่องจากล็อกสิทธิให้เฉพาะกลุ่มทุนเดิมที่เคยเข้าร่วมหรือยื่นไว้ในปี 2565 เท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าสู่กระบวนการคัดเลือก
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า ตนและเพื่อนสมาชิกพรรคประชาชนได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งล่าสุดที่มีการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบกระบวนการในการรับซื้อพลังงานไฟฟ้า หรือนโยบายพลังงานไฟฟ้าของประเทศ ตั้งแต่สมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนมาถึงสมัยรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือจากการทำหน้าที่ของพวกเราในฐานะผู้แทนราษฎร ตน และเพื่อน สส. อีกสองคนกำลังถูกบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ฟ้องร้องดำเนินคดี สำหรับตนถูก บริษัท กัลฟ์ เจพีเอ็นเอส จำกัด ฟ้องในคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง 100 ล้านบาท จากกรณีที่ตนได้แถลงข่าวไปก่อนหน้านี้ ส่วน นายวรภพ และ นายศุภโชติ ถูก บริษัท กัลฟ์ เดเวล็อปเมนท์ ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาในลักษณะเดียวกัน พร้อมเรียกค่าเสียหายทางแพ่งคนละ 100 ล้านบาทเช่นเดียวกัน จากกรณีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งสามคนสามคดี มูลค่าความเสียหายทางแพ่ง 300 ล้านบาท
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาชน ยืนยันว่า การแถลงข่าวและการอภิปรายของพวกเราทั้งหมดที่ผ่านมา ในการเรียกร้องเพื่อทวงคืนค่าไฟที่เป็นธรรมให้กับประชาชนทุกคน เป็นการทำหน้าที่โดยสุจริตในฐานะผู้แทนราษฎรเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน การฟ้องร้องดำเนินคดีพวกเราในครั้งนี้ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มทุนพลังงานหรือกลุ่มใด จะไม่ทำให้พวกเราหวั่นไหวหรือหยุดการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎรต่อไป
โดยในส่วนคดีของตน ศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งตนจะเดินทางเข้าสู่กระบวนการด้วยตนเอง และขอเชิญชวนประชาชนและสื่อมวลชนทุกคนได้ร่วมติดตามการทำหน้าที่ของพวกเราในการทวงคืนค่าไฟที่เป็นธรรม รวมถึงติดตามความคืบหน้าคดีที่พวกเราทั้งสามคนถูกดำเนินคดีอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อทวงคืนค่าไฟที่โปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับประชาชนทุกคน