เผย 2 ปี "มหาดไทย" จัดงบฯอัพเกรด แอปพลิเคชัน ThaID แล้วมากกว่า 50 ล้านบาท เฉพาะ ปี69 จ่อพัฒนา ให้สามารถยืนยันตัวตน ด้วยการสแกนใบหน้า และรองรับเอกสารสำคัญในรูปแบบดิจิทัล มากขึ้น โดยปีงบ 68 จัดงบฯ วัน 1.1 แสนบาท บำรุงรักษาพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
วันนี้ (5 ส.ค.2568) มีรายงานจากกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กรมการปกครอง เจ้าของแอปพลิเคชัน ThaID ที่พัฒนา และใช้งบประมาณ ซึ่งไม่เคยเปิดเผย และดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2566 ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนถึงรัฐบาลปัจจุบัน
ล่าสุด สํานักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เตรียมโครงการจ้างบํารุงรักษาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (ThalD) ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร 14,173,200 บาท ตามราคากลาง
"คิดเป็นราคาต่อเดือน 3,543,300 บาท หรืออัตราวันละ 118,000 บาท รวม 3 เดือน เป็นเงิน 10,629,900 บาท"
ยังพบว่า ปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ปค. ได้จ้างบํารุงรักษาระบบ ThalD วงเงินทั้งสิ้น 28,346,400 บาท
ขณะที่ ปค. ได้กำหนดแผนในปี 2569 ที่จะพัฒนาระบบ ThaID ให้สามารถยืนยันตัวตน ด้วยการสแกนใบหน้า (Face Verification) และรองรับเอกสารสำคัญในรูปแบบดิจิทัล (Verifiable Credential) มากขึ้น
เมื่อต้นเดือนที่แล้ว ปค. เพิ่งจัดสรรงบประมาณ พ.ศ.2568 เกือบ 10 ล้านบาท ( 9.6 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการข้อมูลประชาชนผ่านระบบอัตโนมัติ หลังการลงทะเบียนโครงการเที่ยวคนละครึ่ง ทำ "ล่ม"
"เป็นการจ้างพัฒนาจัดทําข้อมูลสําหรับระบบโต้ตอบสนทนาอัตโนมัติ (Chatbot) เพื่อตอบคําถามประชาชนในเรื่องการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน ThailD"
เชื่อมโยงระบบให้บริการตรวจสอบข้อมูล (Services) เพื่อรองรับการอ่านข้อมูลประชาชน โดยใช้เลขบัตรประจําตัวประชาชน 13 หลักจากระบบคอมพิวเตอร์ของสํานักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง
ข้อมูลของ กรมการปกครอง เมื่อปี 2567 ระบุว่า แอปพลิเคชัน ThaID ที่ได้พัฒนาและถูกนำมาใช้เพื่อการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล
ปัจจุบัน มีผู้ดาวน์โหลด -ใช้แอปพลิเคชัน ThaID บนโทรศัพท์มือถือทั้งระบบ Android และ iOS ไปแล้ว ไม่น้อยกว่า 18,000,000 คน (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2567)
พบว่า มีการปรับปรุงและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มีหน่วยานรัฐถึง 32 ระบบในงานด้านบริการ