โฆษกรัฐบาล ซัดกัมพูชา “ไม่รู้ กาลเทศะ” โกหกจนเป็นนิสัย หลัง ปธ.สภา “เขมร” ใช้เวทีสภาโลก กล่าวหาไทยยิงก่อนอีกแล้ว ทั้งๆ ที่พยานหลักฐานชัดทั่วโลกชี้ชัดเขมรยิงก่อน พร้อมทั้งโจมตี รพ.- คนไทยอย่างโหดเหี้ยม แถมโกหกหน้าด้านๆ ไทยใช้อาวุธเคมี หลอกตัวเองใช้ภาพถ่ายเครื่องบินดับไฟป่ามาปั่นหัวประชาคมโลก
วันนี้ (30 ก.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) กล่าวถึงกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรของกัมพูชา ไม่รู้กาลเทศะ ไปใช้เวทีการประชุมระดับสูงของสหภาพรัฐสภา นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในสัปดาห์นี้ โดยกล่าวโกหกบิดเบือนอย่างไร้ยางอาย กล่าวหาประเทศไทยว่าเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และใช้วัตถุเคมีต่อพลเรือนของกัมพูชา ทั้งๆ ที่ข้อมูลและพยานหลักฐานที่ทั่วโลกพบ กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนและกรณีใช้วัตถุเคมีในการปะทะก็ไม่มีการเกิดขึ้นจริง รัฐบาลกัมพูชาหลอกตัวเองด้วยการเอาภาพเครื่องบินดับไฟป่าในต่างประเทศมาประกอบ ซึ่งรัฐบาลไทยเคยชี้แจงไปแล้วว่าโลกใบนี้หากใครจะใช้อาวุธลักษณะเช่นนี้ก็จะถูกประณาม เพราะจะต้องจำนนด้วยพยานหลักฐาน อาทิ สารตกค้างต่างๆ รังแต่จะสร้างความเสียหายต่อความพยายามฟื้นฟูสันติภาพในภูมิภาค เป็นการบิดเบือนทั้งสิ้น
“รัฐบาลไทยขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และขอประณามการกล่าวหาที่โกหกกลางสภา ที่ปราศจากหลักฐานของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน โดยประเทศไทยได้ยึดมั่นในหลักมนุษยธรรมและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด”
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไทยใช้อาวุธเคมีหรือโจมตีเป้าหมายพลเรือนนั้น “เป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง” ซึ่งทั่วโลกเห็นพร้อมกันว่าใครละเมิดอธิปไตย พร้อมทั้งกัมพูชาเปิดฉากยิงใส่โรงพยาบาล และพื้นที่ของพลเมืองตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
พร้อมระบุว่า การที่ประธานสภากัมพูชา ใช้เวทีรัฐสภาระหว่างประเทศในการบิดเบือนข้อมูลถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และสะท้อนถึงเจตนาทางการเมืองที่มุ่งทำลายความน่าเชื่อถือของไทยบนเวทีโลก โดยประเทศไทยยังคงยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักมนุษยธรรมสากล และการคุ้มครองชีวิตพลเรือนอย่างเข้มงวด รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชายังไม่ยุติการใช้กำลังและมีพฤติกรรมยั่วยุต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการแก้ปัญหาอย่างสันติ
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยได้ประสานงานกับองค์การระหว่างประเทศ อาทิ ประธานอาเซียน สหประชาชาติ ผู้นำสหรัฐฯ และจีน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง และขอให้มีการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศ เพื่อร่วมตรวจสอบสถานการณ์และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพในภูมิภาค
“รัฐบาลไทยขอยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ เราไม่ต้องการความขัดแย้ง ไม่ต้องการสงคราม อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของสงครามข้อมูลจากรัฐที่ไม่เคารพพันธกรณีระหว่างประเทศ และพร้อมตอบโต้ด้วยข้อเท็จจริงในทุกเวที เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชาติอย่างถึงที่สุด” นายจิรายุ ย้ำ