ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ ถ้า“แม้ว”ตัดขาด “ฮุนเซน”จริง ไม่ใช่เล่นละคร ต้องโละ MOU 43 - 44 ยืนยันใช้แผนที่1 ต่อ 50,000
ในสถานการณ์สู้รบ ปกป้องอธิไตยของทหารไทย ต่อกัมพูชา ที่เปิดฉากการใช้อาวุธ ทั้งปืนใหญ่ จรวด ยิงถล่มพื้นที่ทางทหาร และพลเรือนของไทยก่อน จนมีทหารและประชาชน เสียชีวิตหลายราย ต้องอพยพประชาชน ที่อยู่ติดชายแดน จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี นับแสนคน ออกนอกพื้นที่ ไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย
ขณะเดียวกัน ก็มีความเคลื่อนไหวของนักการเมืองไทย 2 พ่อลูกคือ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวท่ามกลางสถานการณ์สู้รบดังกล่าว
โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา “ทักษิณ” ใช้โอกาสนี้ ฉลองวันเกิดครบรอบ 76 ปี เดินทางลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อ สร้างภาพ หวังผลทางการเมือง อ้างไปเยี่ยมเยียน ให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยสงคราม
มีภาพ“ทักษิณ”ลงมือทำข้าวกล่อง ผัดข้าว แจกประชาชน ควักแบงก์พัน แจกเด็กๆและผู้สูงอายุ ที่อยู่ในศูนย์พักพิงผู้อพยพ เพื่อให้สื่อถ่ายภาพ ขณะเดียวกันก็มีคนของพรรคเพื่อไทย ที่ติดตาม “ทักษิณ” พยายามเป็นต้นเสียงให้ชาวบ้านร้องเพลง “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ทูยู” ฉลองวันเกิดให้ทักษิณ ทั้งๆที่ชาวบ้านกำลังมีความเครียด ที่ต้องทิ้งบ้าน มาอยู่ในศูนย์พักพิง
ภาพเวลาเดินในศูนย์พักพิง ประชาชนที่นั่งอยู่กับพื้น ก็ทั้งกราบ ทั้งไหว้... “ทักษิณ” เป็นใคร อย่างนี้มันเหมาะ มันควรแล้วหรือ ?!
นอกจากนี้ “ทักษิณ” ยังได้ให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องก่อนหน้านี้ ที่ได้โพสต์ข้อความว่า หลายประเทศห่วงสถานการณ์สู้รบ เสนอตัวช่วยไกล่เกลี่ย ตนขอบคุณไป แต่ขอเวลาหน่อย ปล่อยให้ทหารไทยทำหน้าที่ สั่งสอนเล่ห์เหลี่ยมฮุนเซน ก่อน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นการยั่วยุ เติมเชื่อไฟให้เกิดความรุนแรง ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวของ 2 ตระกูล แต่ไปลากเอาประชาชนมารับกรรม
โดย“ทักษิณ” ชี้แจงว่า...วันนี้คนยังไม่เข้าใจ เพราะถ้าเข้าใจภาพรวม จะรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากเขา (ฮุน เซน) บ้าอยู่คนเดียว นั่งอยู่กับโซเชียลฯ ทั้งวันเป็นซอมบี้ แล้วก็หงุดหงิดมาหาเรื่อง ทั้งที่เราไม่มีอะไรเลย ...มันไม่ใช่เป็นเรื่องของความขัดแย้งส่วนตัว ไม่มีเลย ไม่ได้เกี่ยวเลย ผมไม่เคยมีความขัดแย้ง แต่เขาเป็นคนที่เริ่มต้นด้วยความระแวง และหวังสร้างกระแสชาตินิยมภายในประเทศ
นอกจากนี้ยังมีภาพ ระหว่างที่ “ทักษิณ” อยู่ในโรงครัวศูนย์พักพิง สำนักงานเทศบาลเมืองเดชอุดม จ.อุบลราชธานี ก็มีหญิงรายหนึ่ง ที่อพยพ มาจาก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ตะโกนถาม “ทักษิณ” ว่า เป็นเพื่อนกับ “ฮุนเซน” แล้วทำไม ปล่อยให้เพื่อน มาฆ่าคนไทย คนไทยต้องเดือดร้อน ทำไมปล่อยให้เขมรมาข่มเหงคนไทย... ทำเอาวงแตก “ทักษิณ” ไม่ตอบ ได้แต่เดินเลี่ยงไป และออกจาก อ.เดชอุดม ไปยังจุดอื่น ทั้งๆ ที่ตอนมาก็บอกว่า จะมารับรู้ความเดือดร้อน มารับทราบปัญหาของประชาชน
แน่นอนว่า การลงพื้นที่ของ “ทักษิณ” ครั้งนี้ มีคำถามตามมามากมาย ว่าเขาไปในฐานะอะไร ทำไมบรรดาข้าราชการในพื้นที่ต้องมาต้อนรับ ทำไมต้องไปในวันเกิดด้วย หรือคิดว่าจะไปทำบุญ ทำทาน กับผู้อพยพ หรือไปเพื่อกลบเกลื่อนกระแสดรามา เรื่องความขัดแย้งระหว่าง “ทักษิณกับฮุนเซน”
ที่สำคัญคือ ในขณะที่กองทัพ และรัฐบาล เรียกร้อง สื่อ และประชาชน อย่าโพสต์ภาพเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหาร หลุมหลบภัย ศูนย์พักพิง ที่ประชาชนอพยพไปรวมกัน ลงในโซเชียลฯ เพราะจะทำให้ฝ่ายศัตรู รู้ถึงพิกัด รู้จุดสำคัญ และอาจเป็นเป้าหมายที่จะถูกโจมตีได้
แต่ “ทักษิณ” ลงพื้นที่ มีสื่อติดตามกันเป็นขบวน สื่อบางสำนัก มีการรายงานสถานการณ์สด เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดว่าประชาชน อพยพไปหลบอยู่ที่ใดบ้าง แถมมีการให้สัมภาษณ์ในเชิงยั่วยุ ท้าทาย “ฮุน เซน” ตลอด อย่างเช่น การตอบคำถามประเด็น ว่า กัมพูชาต้องการที่จะเปิดสงครามกับเรา อย่างจริงจังเลยหรือไม่ ซึ่ง “ทักษิณ” ตอบว่า “ไม่จริงหรอกครับ ผมไม่เชื่อว่าเขากล้า"
อย่าลืมว่า ฝ่ายเขมร กำลังจะนำขีปนาวุธ PHL-03 ซึ่งเป็นจรวดที่มีรัศมีทำการไกลถึง 130 ก.ม. มาใช้ คือ จะครอบคลุม จ.อุบลราชธานี ทั้งพื้นที่ , จ.สุรินทร์ ทั้งพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ทั้งพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ ทั้งพื้นที่, รวมทั้งบางส่วนของ จ.ยโสธร ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และจ.นครราชสีมา
ดังนั้น การไปเยี่ยมศูนย์พักพิง แล้วมีสื่อติดตามไปทำข่าว จึงไม่ต่างจากการไปชี้เป้าให้ข้าศึกศัตรู
ขณะเดียวกันใน ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ “แพทองธาร ชินวัตร” ที่ถูกสั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ก็ใช้วิธีเลี่ยงไปเปิดแถลงข่าว ที่กระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะรมว.วัฒนธรรม
“แพทองธาร” บอกว่า สถานการณ์ในขณะนี้ อยากให้คนไทยมีความสามัคคีกันในชาติ เราต้องรักกัน และทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ถ้าเหตุการณ์สงบสุขเมื่อไหร่ ค่อยมาพูดถึงความขัดแย้งภายในประเทศ
ส่วนที่มีบางกลุ่มพยายามปลุกปั่น ให้เกิดความเกลียดชัง โดยเชื่อมโยงว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะสองตระกูล ทะเลาะกันนั้น ไม่จริง แต่ต้นตอของปัญหาเกิดจากการที่รัฐบาลปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แล้วไปขัดผลประโยชน์ของเขา จึงนำไปสู่การหาเหตุมาใช้กำลังอาวุธ
เมื่อถูกถามถึง กรณีสื่อกัมพูชา นำเสนอภาพของ “แพทองธาร” ในฐานะนายกรัฐมนตรี กับ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 แล้วบอกว่า ขอให้ประชาชนจดจำไว้ว่า 2 คนนี้ เป็นต้นเหตุของสงคราม “แพทองธาร” ตอบทันทีว่า เราจะเชื่อในสิ่งที่กัมพูชาเสนออีกนานหรือไม่ อย่างเรื่องของตนเอง เขาโพสต์ ปล่อยคลิป แล้วมาบอกว่าไม่ได้ปล่อย ไม่ได้โพสต์ อย่างนี้แล้วเรายังจะไปเชื่อเขาอีกหรือ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ “ตระกูลชินวัตร” กับ “ฮุน เซน” มีความสัมพันธ์ส่วนตัวดีมาก แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้น เราก็ต้องเอาเรื่องของประเทศ มาก่อนเรื่องส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม หลังการลงพื้นที่ ของ “ทักษิณ” และการแถลงข่าวของ “แพทองธาร” ปรากฏว่า ในโซเชียลฯได้มีผู้ไปแสดงความเห็นกันมากมาย ในลักษณะ“ทัวร์ลงตระกูลชินวัตร” ยาวเหยียด
โดยส่วนใหญ่เห็นว่า การปะทะกันของทหารไทย ตามแนวชายแดนพื้นที่อีสานใต้ มีสาเหตุมาจากความขัดแย้ง การขัดผลประโยชน์ ระหว่าง “ตระกูลชินวัตร” กับ “ตระกูลฮุน” เรื่องปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ยกมาอ้าง เพื่อให้ดูดี
และมีจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่า การออกมาเคลื่อนไหวของ “ทักษิณ-แพทองธาร” เป็นแค่ละครฉากหนึ่ง อีกไม่นานเรื่องก็จบบนโต๊ะเจรจา แล้วเราก็นั่งทับปัญหาไว้เหมือนเดิม
โดยเฉพาะขณะนี้ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยยกเรื่อง “กำแพงภาษี” มาเป็นเงื่อนไข ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง และเข้าสู่การเจรจา ซึ่งทั้ง “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยต่างเห็นด้วย
ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า วันนี้ (28 ก.ค.) เวลา 11.00 น. “ภูมิธรรม เวชยชัย” รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี จะนำทีม เดินทางไปเจรจากับฝ่ายกัมพูชา นำโดย “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย ภายใต้การประสานงานจาก“ทักษิณ ชินวัตร”
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า ในเบื้องต้นนี้ ทางทหารไม่เห็นด้วย เนื่องจากต้องการใช้ แผนที่ 1/50,000 ในการกำหนดเขตแดน เพราะสามารถผลักดันฝ่ายตรงข้ามออกไปได้เกือบหมดแล้ว แต่ฝ่ายการเมือง ยังอยากจะให้ใช้ แผนที่ 1/200,000 ตามที่ฝ่ายกัมพูชาขอมา
ดังนั้น ถ้า “ทักษิณ”ต้องการเล่นบทนายกรัฐมนตรีตัวจริง ตามที่กำลังพยายามอยู่ในตอนนี้ และคุยโวว่าคุมทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ และมีความต้องการตัดขาดจาก “ฮุน เซน” จริง ไม่ใช่แค่การเล่นละคร จะต้องพิสูจน์ความจริงใจให้คนไทยได้เห็น
ด้วยการสั่งการให้ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่จะไปเจรจาครั้งนี้ ต้องยื่นเงื่อนไข ยกเลิก MOU 43 ที่เขมรอ้างแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ยึดครองแผ่นดินไทย แล้วให้มาใช้แผนที่ 1 ต่อ 50,000 ที่ยึดสันปันน้ำเป็นเขตแดนทางธรรมชาติ และยกเลิก MOU 44 ที่เขมรลากเส้นทับเกาะกูด รวมทั้งล้อมรั้ว 3 ปราสาท คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และ ปราสาตาควาย ไม่ใช่ปล่อยให้เขมรมาอ้างสิทธิ์
ถ้าไม่สั่งการ หรือไม่ทำ นั่นแสดงว่า ยังไม่ได้ตัดขาดจาก “ฮุน เซน” จริง และหลังจากนี้ก็ไม่ต้องออกมาเคลื่อนไหวอะไรแล้ว นอนเฉยๆอยู่บ้าน “จันทร์(อะไร)ส่องหล้า” ไม่ต้องออกมา “สทร.” อีกต่อไป