xs
xsm
sm
md
lg

“เสี่ยนิด” เชื่อทีมคุยภาษีทรัมป์หวังลด 20% เท่าเวียดนาม ชี้ หน่วยงานต้องไปทางเดียวกัน เชื่อไทยดูแลนักลงทุนเป็นธรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เศรษฐา” เชื่อมือ ทีมไทยแลนด์ เจรจาภาษีทรัมป์ หวังลดอัตราภาษี 20% เท่าเวียดนาม ชี้ หน่วยงานรัฐต้องจับมือเดินไปทิศทางเดียวกัน มั่นใจไทย มีระบบดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม


วันที่ 10 ก.ค. 68 เวลา 12.00 น.ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสหรัฐอเมริกาขยายเวลาเจรจาภาษีครั้งสุดท้าย เป็นวันที่ 1 ส.ค. 68 นี้ ไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราร้อยละ 36% หรือไม่นั้นว่า ขณะนี้ไทยมีเวลาถึง 1 ส.ค. 68 ส่วนตัวเชื่อว่า นายพิชัย ชุณหวัชระ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมทีม ไทยแลนด์ (thailand) จะต้องมีการหารือกันอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้ไทยได้อัตราภาษีที่ดีขึ้น ซึ่งส่วนตัวได้มีการพบเจอกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ และได้รับคำยืนยันว่า “สู้อย่างเต็มที่”

นายเศรษฐา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่ายังมีความหวัง เพราะไทยยังมีหลายอย่างที่ต้องให้กับทางสหรัฐฯได้อยู่ โดยสิ่งที่ไทยมีแต้มต่อในการต่อรองลดภาษีนั้น จะต้องดูรายละเอียดอีกครั้งหนึ่ง จำนวนสินค้าในหมวดต่างๆ ตรงไหนที่ให้สหรัฐฯแล้วไม่ต้องเสียภาษีที่มากมาย แต่สำคัญที่สุด ทีมงานทุกกระทรวงไม่ว่าจะเป็นกระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI จะต้องมานั่งพูดคุยกัน มีสิ่งไหนที่เกี่ยวข้อง เสียงจะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่าให้เสียงแตก เพื่อให้สหรัฐฯพอใจ

รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่อง เช่น “นอนคาร์ริค” (การหลีกเลี่ยงภาษี) ที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “คาร์ริค” (การเสียภาษีเงินได้) ขั้นตอนของศุลกากรที่ยังคงมีปัญหา การสวมสิทธิต่างๆ เป็นเรื่องที่ไทยต้องให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐฯยังคงจัดเก็บภาษีไทยอยู่ที่ร้อยละ 36 สิ่งที่จะกระทบตามมา ก็คือ กลุ่มเป้าหมาย ที่อย่างน้อยอาจหาเข้าเวียดนามอย่างน้อยร้อยละ 20 และสหรัฐฯจัดเก็บในอัตราที่สูงย่อมจะส่งปัญหา เพราะหลายอุตสาหกรรมที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย ก็หวังว่า ไทยจะไม่เสียเปรียบเพื่อนบ้าน แต่แน่นอนว่า ไทยยังมีข้อได้เปรียบอีกหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยและต้นทุนต่ำ “low cos save living” มีระบบภาษีที่ชัดเจนกว่า และมีระบบราชการที่ดูแลนักลงทุนอย่างเป็นธรรม ดังนั้น ส่วนตัวเชื่อว่า มีหลายประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเลข แต่นอนนอนว่าตัวเลขต้องใกล้เคียงกันถึงจะมาพูดคุยกันได้

ทั้งนี้ เมื่อถามว่า ต้องมีการส่งเสริมกลุ่ม sme ซึ่งได้รับผลกระทบ จากนโยบายภาษีของทรัมป์โดยตรงใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งหากนโยบายภาษีของทรัมป์ ถ้าไม่ได้รับการผ่อนปรน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องมีการช่วยเหลือกัน เชื่อว่าทีมงานจะศึกษาและดูแลเรื่องนี้อยู่ แต่สิ่งสำคัญคือตัวภาษี ที่จะต้องมีการลดให้เทียบเท่ากับเวียดนามเสียก่อน แต่ส่วนตัวเชื่อว่าไทยจะมีมาตรการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อพิเศษดอกเบี้ยต่ำ

ส่วนหลายฝ่ายวิจารณ์ว่า การรับมือของรัฐบาลนั้น เกิดความล่าช้า นายเศรษฐา กล่าวว่า วันนี้ต้องรวมใจกัน และเจรจาในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ให้มีการลดภาษีลงให้ได้ อย่างน้อยให้ลดเหลือร้อยละ 20 เทียบเท่าเวียดนาม ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นประเด็นที่อยู่ในใจทุกๆคนอยู่ ส่วนแผนงานรองรับอื่นๆก็ต้องตามมา

อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ หากการเจรจาเป็นไปในเชิงบวก จะเป็นประเด็นที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ หากไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ จะต้องมีการทำโรดโชว์ต่างๆ นำข้อดีของประเทศไทย ไปเสนอต่างชาติ

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังกล่าวต่อว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปพบปะกับผู้ประกอบการ SME ซึ่งส่วนมากก็จะสะท้อนเรื่องของนักท่องเที่ยว แน่นอนว่า ตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ตกลงไปก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความปลอดภัย และนักท่องเที่ยวจะต้องได้รับการดูแลและความเป็นธรรม ส่วนมาตรการกระตุ้นถือเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะต้องทำให้ดีขึ้น

ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะของจีนที่ลดลงไปมากนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ต้องเอาไปเปรียบเทียบกับเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันว่า ใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเปรียบเทียบกับช่วงไฮซีซัน ยอมรับว่า ก็ตกลงไปพอสมควร

ส่วนปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดหายไปจะเป็นไปอย่างที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย บอกว่าเป็นเพราะการเดินหน้านโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการเปิดให้มีกาสิโนนั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า กาสิโนยังไม่เกิดเลยแล้วนักท่องเที่ยวจะมาได้ยังไง ซึ่งเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีก็ตอบชัดเจนแล้วว่าเป็นเรื่องของความมั่นใจและความปลอดภัยซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเข้มเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น และเมื่อสามวันก่อน นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ได้ลงพื้นที่สุขุมวิทโมเดล ระหว่าง ซอย 3-ซอย 21 เพื่อจัดระเบียบแผงลอยสินค้าที่ไม่ถูกต้อง ทั้งเซ็กซ์ทอยและยาเสพติด กัญชา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตนเองก็เชื่อว่าเป็นหนึ่งที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวและมีแผงกระจาย เรื่องการดูแลแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ทั้งที่ เชียงใหม่ และภูเก็ต


กำลังโหลดความคิดเห็น