“สมศักดิ์” เปิดงานอสม.สุโขทัย ปลื้ม อสม.1 ล้านคนนับคาร์บเป็นแล้ว ต่อยอดถ่ายทอดความรู้ประชาชนได้กว่า 15 ล้านคน ยัน ถ้า อสม.สอนประชาชน 1:50 คนได้สำเร็จ เตรียมประกาศนโยบายตรวจสุขภาพ อสม.ฟรีทันที
วันนี้( 22 ก.พ.68 )นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเปิดงานวันอาสาสมัครสาธารณสุขแห่งชาติ ประจำปี 2568 อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย โดยมี นายมนู พุกประเสริฐ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย พรรคเพื่อไทย นพ.ศักดา อัลภาชนี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายเอกสิฎฐ์ วิไลศิลป์ นายอำเภอศรีสัชนาลัย พญ.ธัญญารัตน์ สิทธิวงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุโขทัย และ อสม.กว่า 2,200 คน เข้าร่วม ที่สนามพระยาลิไทย โรงเรียนเทศบาลเมืองศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs จำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อสม.จะเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs ของกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการส่งเสริมสุขภาพที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน ทั้งด้านการกิน การนอน และการออกกำลังกาย โดยตนยินดีที่ได้ทราบว่า อสม. ทุกคน กว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ นับคาร์บ หรือ คาร์โบไฮเดรตเป็นแล้ว และได้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่พี่น้องประชาชนกว่า 15 ล้านคน ตนจึงเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้ จะช่วยลดจำนวนผู้ป่วย NCDs รายใหม่ ช่วยให้ผู้ป่วยรายเดิมมีอาการดีขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนได้
“กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายที่จะสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน เพิ่มศักยภาพ อสม. และผลักดันให้มี พ.ร.บ.อสม. เพื่อดูแลพี่น้อง อสม. ให้สามารถปฏิบัติงานได้ อย่างก้าวหน้า มั่นคง และยั่งยืน โดยผมขอแสดงความยินดีกับพี่น้อง อสม. ที่ได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติในวันนี้ และขอขอบคุณพี่น้อง อสม. อำเภอศรีสัชนาลัย กว่า 2,200 คน ที่ช่วยกันขับเคลื่อนระบบสาธารณสุขของประเทศ และขอให้ทุกท่านมีความสุข สนุกสนานกับการแข่งขันกีฬา เป็นแบบอย่างด้านการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี ให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนรู้สึกดีใจมาก ที่ได้มาพบ อสม.อำเภอศรีสัชนาลัย เพราะการกลับมาจังหวัดสุโขทัย แต่ละครั้ง ตนจะได้ข้อมูลจาก อสม. และนำไปขับเคลื่อนเป็นนโยบาย อย่างวันแรกที่ตนรับตำแหน่ง รมว.สาธารณสุข ก็ยังไม่ทันได้เข้ากระทรวง ก็ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย ได้พบกับ อสม. และได้ข้อแนะนำ จนสามารถคิดนโยบายให้กับ อสม.ได้ ก็คือ พ.ร.บ.อสม. รวมถึงนโยบายกินเป็นไม่ป่วย สวย หล่อ อายุยืน ซึ่งวันนี้ อสม.และประชาชน นับคาร์บเป็นแล้วกว่า 14 ล้านคน แต่ตนต้องการประชาชนนับคาร์บเป็น 50 ล้านคน ถึงจะสามารถแก้ปัญหา NCDs ได้ และวันนี้ ตนก็ได้รับข้อเสนอแนะจาก อสม.เพิ่มเติมคือ อยากตรวจสุขภาพฟรี ตนจึงมองว่า ถ้าอสม.ช่วยรณรงค์ลดโรค NCDs 1 อสม. ต่อประชาชน 50 คน จนสามารถประหยัดงบประมาณได้ และเงินที่ประหยัดได้บางส่วน ก็จะกลับเข้าบัญชี อสม. ซึ่งก็จะสามารถนำงบประมาณส่วนนี้ มาตรวจสุขภาพ อสม.ฟรีได้ ดังนั้น ถ้าอสม.ทำได้ สอนประชาชนนับคาร์บ 1:50 คน ตนจะประกาศนโยบายตรวจสุขภาพ อสม.ฟรีทันที โดยตนพร้อมสนับสนุน อสม.อย่างเต็มที่ อย่าง เงินกู้ อสม. ผ่าน ธ.ก.ส. 100,000 บาท ก็ผลักดันจนขณะนี้ มีอสม.กู้ทั่วประเทศแล้ว 58,533 คน
จากนั้น นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปยังโรงแรมไพลิน อำเภอเมือง เพื่อเป็นประธานพิธีเปิดโครงการสร้างความเข้มแข็งเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ ระดับเขตสุขภาพที่ 2 โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข จะขับเคลื่อนนโยบาย คนไทยห่างไกล NCDs ให้เป็นวาระแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข จึงขับเคลื่อนนโยบาย คนไทยห่างไกล NCDs ผ่าน 4 กลไกหลัก ได้แก่ 1.อสม. กว่า 1 ล้านคน 2.ศูนย์ป้องกันโรคไม่ติดต่อในชุมชน โดยปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการรับส่งต่อกับ สปสช. แล้ว 100% 3.ศูนย์คนไทยห่างไกล NCDs ซึ่งจะมีทีมสหวิชาชีพให้คำปรึกษา และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และ 4.คลินิก NCDs รักษาหาย โดยปัจจุบันจัดตั้งคลินิกแล้วกว่า 650 แห่งทั่วประเทศ
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า NCDs สามารถป้องกันและแก้ไขได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต ซึ่งตนเชื่อว่า เครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน จะเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว ผ่านการส่งเสริมสุขภาพ ทำให้พี่น้องประชาชนมีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง มีพฤติกรรมและวิถีชีวิตเพื่อสุขภาพ ทั้งในด้านการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการดูแลรักษาสุขภาพจิตใจ โดยตนขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ช่วยกันสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน และขอให้ช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายคนไทยห่างไกล NCDs เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนต่อไป