นายกฯ เผยปัญหาฝุ่น PM 2.5 ถูกยกเป็นวาระอาเซียน มอบ รมว.กต.ไปพูดคุยขอความร่วมมือเพื่อนบ้านลดเผา ส่วนไทยทุกกระทรวงมีมาตรการหมดแล้ว เตรียมการตั้งแต่ พ.ย. 67 ย้ำ ทุกคนต้องช่วยกัน รัฐบาลกำลังเร่งแก้ ให้หน่วยงานราชการเวิร์กฟรอมโฮมได้ หากไม่กระทบงานบริการ ปชช.
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะมีความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างไรบ้าง ว่า เรื่องฝุ่นไม่ใช่วาระแห่งชาติธรรมดา แต่เป็นวาระแห่งอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ต้องไปพูดคุยขอความร่วมมือตามกรอบความร่วมมือของอาเซียน ซึ่งมีการพูดคุยเรียบร้อยแล้วในการขอความร่วมมือประเทศที่มีการเผา และประเทศเราก็มีการเผาเช่นกัน ดังนั้น จะต้องมีมาตรการจากทุกๆ ประเทศในอาเซียน ต้องเป็นกรอบของความร่วมมือ พื้นที่ที่เกิดการเผาเยอะๆ ต้องลดอย่างไร และมีมาตรการอย่างไร เพราะมันอยู่ในอากาศ ลมพัดไปทางนี้ทางนั้น เช่น ประเทศเราทุกกระทรวงได้มีมาตรการไปหมดแล้ว เราเตรียมมาตรการตั้งแต่ก่อนปีใหม่ ช่วงเดือน พ.ย. 67 ว่า มาตรการจะออกมาอย่างไร หากเผาจะถูกปรับอย่างไรมีหมดแล้ว ด้านอุตสาหกรรมการเผาลดน้อยลงมากจากปีที่แล้ว แต่ฝุ่นเป็นเรื่องของการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วจริงๆ ไม่ใช่แค่คนใดคนหนึ่ง ประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ประชาชนทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือให้เกิดพลังที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ คือ กำลังแก้ปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ณ ตอนนี้ให้ทันการให้ดีที่สุด ส่วนระยะยาวเราก็มีแผนแล้ว ระยะกลางและระยะสั้นก็ได้ทำทุกอย่างแล้ว
เมื่อถามว่า เรื่องการทำงานที่บ้าน (work from home) หลายหน่วยงานราชการอยากให้มีคำสั่งออกมาให้ชัดเจน นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว เรื่องนี้ก็เป็นไปได้เลย เราสามารถคุยกันได้ว่าที่ไหนสามารถเวิร์กฟรอมโฮมได้แล้วไม่กระทบอะไรมากเกินไป ก็จะลดในเรื่องของการเดินทางได้เยอะขึ้น
เมื่อถามต่อว่า หน่วยงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานบริการประชาชนสามารถทำงานออนไลน์ได้ จะประกาศให้เวิร์กฟรอมโฮมเลยได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอไปพูดคุยในรายละเอียดอีกนิดว่าแนวทางที่พูดคุยกันไว้เบื้องต้น ที่ยังไม่เคาะ คิดว่าเป็นไปได้ในเรื่องนี้ เพราะช่วงนี้ฝุ่นเยอะจริงๆ
เมื่อถามย้ำว่า จะมีมาตรการจูงใจภาคเอกชนให้เวิร์กฟรอมโฮมในช่วงนี้หรือ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่า หลายๆ ที่เขาก็ตระหนักในเรื่องนี้อยู่แล้ว และอย่างที่รัฐบาลได้ออกมาตรการไปแล้วที่ใช้งบ 140 ล้านบาท ในเรื่องการให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี คือ มาตรการเร่งด่วนที่ทำขึ้นมาก็คิดว่าเอกชนหลายๆ ที่ก็ได้ใช้ข้อนี้ด้วย เป็นการช่วยกันในภาพรวม