เมืองไทย 360 องศา
ไม่น่าเชื่อว่า การเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังถูกสงสัยว่า ไร้ความสามารถ และขาดภาวะผู้นำ และวุฒิภาวะ แทนที่จะได้รับการจับจ้องในศักยภาพของ “ผู้นำรุ่นใหม่” ที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้วยอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์
ขณะเดียวกันเมื่อเกิดข้อสงสัย ทำให้กลายเป็นว่าเวลานี้ ทั้งตัวเธอ และบรรดาสมาชิกพรรคเพื่อไทย และคนในรัฐบาลต้องมาเสียเวลาอยู่กับคำชี้แจงว่า นายกฯเป็นคนมีความสามารถ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาที่เจือปนด้วยอคติ
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จากการไปร่วมประชุมสุดยอด ระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue: ACD) ครั้งที่ 3 ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงการพบปะหารือกับประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซซเคียน (Masoud Pezeshkian) ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ที่สร้างความแปลกใจให้กับคนไทยไม่น้อย เมื่อได้เห็นภาพการพบปะกันของผู้นำทั้งสองประเทศ โดยฝ่าย น.ส.แพทองธาร ได้อ่านข้อความในไอแพด (iPad) แบบที่เรียกว่า “ก้มหน้าก้มตาอ่าน” อย่างเดียว ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาอย่างประธานาธิบดีอิหร่าน เลย
ขณะที่หลายคนในรัฐบาล และคนในพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงตัวนายกรัฐมนตรีเอง ต่างก็ออกมาอธิบายว่า มีความจำเป็นต้องใช้ ไอแพด เนื่องจากป้องกันความผิดพลาด และผู้นำทุกประเทศก็ใช้วิธีการแบบนี้ คือ การอ่านข้อความที่ร่างหรือเขียนเอาไว้ล่วงหน้า
โดยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์กรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การใช้ไอแพดกับบทบาทผู้นำของนายกฯ รวมถึงการตอบคอมเมนต์ แล้วนำไปแขวนที่อินสตราแกรม จนมีคนตั้งคำถามถึงภาวะผู้นำ ว่า จริงๆ แล้วการทำงานของตน กระแสเป็นเรื่องหนึ่ง การทำงานให้สำเร็จเป็นเรื่องใหญ่ แต่ว่าบางทีเข้าใจตัวเอง บางทีรู้สึกว่าถูกเข้าใจผิด หรือว่าข้อมูลยังไม่ครบก็อยากอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น จริงๆ ไม่ได้คิดว่าเป็นการแขวนหรืออะไร ทุกคนสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้อยู่แล้ว เพียงแต่ตนอยากอธิบายในหัวข้อนี้ว่าบางที เราด่วนตัดสินคนอื่นเกินไปมันต้องมีข้อมูลด้วยในการจะพูดแบบนี้ ซึ่งตนได้ชี้แจงไป และไอแพดเป็นเรื่องที่ทุกคนใช้กันทั่วโลก จะใช้ไม่ใช้ก็แล้วแต่บุคคล แต่การประชุมหลักๆระหว่างประเทศก็ควรจะใช้ จะเป็นกระดาษหรือไอแพดก็ได้ เพราะจะได้ครบประเด็นและถูกต้อง นี่คือสิ่งที่อยากสื่อ
และกระแสจากการทำงานเป็นผลพลอยได้ เมื่อกระแสดีแน่นอนทุกคนมีกำลังใจ ไม่ว่าจะภาคส่วนไหน ทั้งข้าราชการ ดารา นักการเมือง นายกฯ ก็เช่นกันหากกระแสดีมันมีกำลังใจ มันเป็นมนุษย์ ถ้ากระแสลบก็เสียใจเป็นธรรมดา แต่เสียใจแล้วต้องไปต่ออย่างไร ต้องทำให้นโยบายไปต่ออย่างไร จะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ เพราะเรามีเทอมของเราที่ต้องทำให้ดีที่สุด จึงขอโฟกัสในการผลักดันเรื่องต่างๆ ต่อไป ส่วนเรื่องที่จะให้อธิบายอะไรก็สามารถอธิบายได้แบบที่นักข่าวสัมภาษณ์
เมื่อถามว่า การเปิดงานสัมมนา ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity วันนี้ดูเหมือนนายกฯ จะไม่ใช้ไอแพดมากเกินไป น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ใช้คะ แต่มันไม่เหมือนกัน เวลาไปพูดที่ต่างประเทศ มันเป็นภาษาอังกฤษ มีคำศัพท์เฉพาะในเรื่องกฎหมาย รวมถึงความอ่อนไหวระหว่างประเทศ ซึ่งจริงๆบางคำตนรู้ตอนมาเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นเรื่องจริงที่ว่าคำศัพท์นี้ต้องใช้ในเรื่องนี้ ถ้าเป็นภาษาไทยเรารู้อยู่แล้วจะสบายกว่าเยอะ อย่างตอนกล่าวในงานสัมมนานี้ ตนใช้ไอแพดในการดูหัวข้อ เช่นเดียวกับเวลาไปคุยระหว่างประเทศก็จะใช้แบบนี้เช่นกันเพื่อดูหัวข้อ แต่ถ้าเป็นเรื่องกฎหมายที่อ่อนไหว ตนอ่านทั้งประโยคเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดอันนี้สำคัญมาก เพราะหากผิดทีเป็นลมเลย แต่เมื่อมีการพูดคุยสอบถามเรื่องการลงทุนจะอย่างไร เราก็ปิดไอแพดแล้วขายของเราไปต่อ แต่สปีชที่นั่งโต๊ะประชุมใหญ่ต้องอ่านทุกคน อันนี้ทั่วโลกทำ มันต้องทำแบบนั้น เพราะเป็นเรื่องที่กระทรวงการต่างประเทศรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาหลายหน้า แล้วตนต้องอ่านตามนั้นให้ที่ประชุมรับรู้ตรงกัน
ดังนั้น หากพิจารณาจากคำพูดหรือคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่พอสรุปได้ว่าผู้นำทุกประเทศก็ทำแบบเดียวกัน นั่นการอ่านข้อความ หรือคำแถลงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันความผิดพลาดในเรื่องสำคัญ ซึ่งเชื่อว่าคงไม่มีใครโต้แย้ง เพียงแต่ว่าเท่าที่เห็นในภาพข่าวระหว่างที่หารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีอิหร่านนั้นเธอ “ก้มหน้าก้มตาอ่าน” อย่างเดียว โดยไม่เงยหน้ามองคู่สนทนาเลย
ทั้งๆ ที่การพบหารือดังกล่าวเป็นเพียงแค่การพูดคุยสนทนา ถามสารทุกข์สุกดิน คุยกันเรื่องทั่วๆ ไป หรือหากมีเรื่องสำคัญ ก็จะเป็นท่าที หรือหลักการกว้างๆ ไม่จำเป็นต้อง “ท่องคำพูด” ทุกคำอยู่แล้ว เพราะในเรื่องรายละเอียด ที่เป็นการเจรจาก็จะเป็นคณะมีการเจรจาตกลงกันเป็นเรื่องๆ ข้อๆ จากนั้นก็อาจออกมาเป็นแถลงการณ์ เป็นข้อตกลง ซึ่งแน่นอนว่าแบบนั้นมันต้องอ่านอย่างละเอียด เป๊ะทุกคำ หรือในที่ประชุมวงใหญ่ไม่ว่าไหนในโลก จะเห็นผู้นำหรือคนสำคัญนำเอกสารไปอ่านในที่ประชุม เพื่อยืนยันหลักการ หรือท่าทีของตัวเองหรือของประเทศ
แต่สำหรับการพบปะพูดคุยกันระหว่างผู้นำสองต่อสอง หรือพบปะเป็นหมู่คณะ เราจะไม่เคยเห็นผู้นำหรือใครคนไหน อ่านข้อความเป็นคำพูด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ ก็เคยเกิดขึ้นเป็นตัวอย่างให้เห็นมาแล้วระหว่างการแถลงเรื่องมาตรการดูแลน้ำท่วมภาคเหนือ เมื่อราวสองสามสัปดาห์ก่อน ในแบบที่อ่านบรรยายสรุปแบบนกแก้วนำขุนทอง มีหลักฐานทั้งภาพและเสียงยืนยันได้ชัดเจน
อย่างไรก็ดี เรื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะสิ่งที่ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และคนในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังชี้แจงหรืออธิบายอยู่นั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่า เธอกำลังถูกตั้งคำถามเรื่อง “ความรู้ความสามารถ” ซึ่งสำหรับคนเป็นผู้นำแล้วถือว่ามีปัญหาแล้ว โดยเฉพาะเรื่อง “ไร้ความสามารถ” ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่น การไม่ยอมรับ
แต่สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นาทีนี้เหมือนกับกำลัง “กดดันตัวเอง” เพราะก่อนหน้านี้การสร้างภาพให้เป็น “ผู้นำรุ่นใหม่” เป็นความหวังของบ้านเมือง มีความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็มีคนปรามาสไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว จากแบ็กกราวด์ที่เคยเห็น แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้นำ มันก็ยิ่งถูกโฟกัส บางครั้งมันก็รู้สึกเกร็ง แต่หาก “เจ๋ง”จริง มันก็ผ่านไปได้ แต่หากไม่ใช่ ยิ่งกดดันมันก็ยิ่งออกทะเล ไปไม่กลับเลยทีเดียว !!