เมืองไทย 360 องศา
หลังจากที่มีคนปูดข้อมูลว่า เวลานี้มีรายชื่อรัฐมนตรีที่ติดคดี ถูกร้องเรียนทั้งในระดับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในชั้นอัยการ และในชั้นศาล เรียกว่ามี “ชนัก” ปักหลังอยู่ถึงจำนวน 11 คน ถือว่าไม่ใช่น้อย ที่เสี่ยงต่อเนื่องการขาดคุณสมบัติ ในเรื่องปัญหาจริยธรรมตามมาตรฐานใหม่
ที่ผ่านมาในรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จึงต้องมีการเข้มงวดในการตรวจสอบคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรีจากรายชื่อที่พรรคร่วมรัฐบาลส่งเข้ามา โดยมีการส่งตรวจทั้งจากคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ป.ป.ช. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และยังแถมด้วยการสกรีนจากกูรูด้านกฎหมาย ระดับ “ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ” อย่าง นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษ และ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 เรียกว่าป้องกันข้อผิดพลาดขั้นสุดกันเลยทีเดียว
เมื่อการตรวจสอบเข้มข้นทำให้การแต่งตั้งรัฐมนตรีล่าช้า ส่งผลให้การปฏิบัติหน้าที่สมบูรณ์ทางกฎหมายของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ต้องทอดเวลาออกไปนานกว่าปกติ แต่ถึงอย่างไรก็คงไม่อาจนานไปกว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้อย่างแน่นอน เพราะหลังจากที่มีทูลเกล้าฯ และโปรดเกล้าฯ ลงมาก็ต้องมีการถวายสัตย์ปฏิญาณ และมีการแถลงนโยบายต่อสภา จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ต้องทำ
ก่อนหน้านั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงความคืบหน้าในการตั้งคณะรัฐมนตรี โดยเธอเผยว่าเรียบร้อยแล้ว และว่าหลังจากนี้จะไปคุยกับ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก่อนเพื่อดูขั้นตอนความเรียบร้อย เพราะไม่เคยทำมาก่อน แต่โผทุกอย่างนิ่งแล้ว โดยคาดว่าจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯได้ ภายในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลเช่นเดียวกันว่า ขณะนี้ใกล้แล้วเสร็จ โดยคาดว่าไม่เกินวันที่ 15 กันยายน นี้ จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็ทำการถวายสัตย์ แถลงนโยบายและเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที
ส่วนการที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ส่งรายชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี คืนให้กับสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทั้งหมดแล้ว นายภูมิธรรม เข้าใจว่าไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจากมีคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดใหญ่ ตรวจสอบ แต่ก็อยากให้รอผลอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ
เมื่อถามว่าผลการตรวจสอบนี้ จะไม่มีการเปลี่ยนตัว ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ขอให้รอดูผลอีกที แต่จากที่ทราบ เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนจะทันในวันที่ 15 กันยายน ตามที่เคยกล่าวไว้หรือไม่ ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ”จะพยายามครับ”
ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี ว่าเรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เท่าที่ติดตามคณะทำงานที่รับผิดชอบได้ส่งเรื่อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาตรวจสอบว่าผู้ใดถูกร้อง และโดนร้องเรื่องอะไร และขั้นตอนไปถึงไหน ซึ่งเรื่องนี้ทางเลขาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้มีการแถลงไปแล้ว และส่งกลับมายังคณะทำงาน เพื่อพิจารณาและนำรายชื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต่อไป อะไรที่ผ่านมาที่วิตกกังวลกัน ทั้งในเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เรื่องจริยธรรมเหล่านี้ จะต้องมีคำวินิจฉัยชี้ขาด และต้องได้รับการชี้ขาดจาก ป.ป.ช.แต่เข้าใจว่าขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น ทั้งนี้ ส่วนตัวสันนิษฐานว่า เรื่องเหล่านี้ยังไม่สิ้นสุดและยังไม่ได้ข้อยุติ
“วันดีคืนใครร้องว่าเป็นเรื่องนั้น เรื่องนี้ ไปร้อง ระบบราชการ ระบบ ป.ป.ช.ก็รับเรื่อง ส่วนจะผิดไม่ผิดก็อีกเรื่องหนึ่ง นี่เป็นดุลพินิจ ไม่ได้ชี้ว่าใครขาดจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ความถูกต้องชอบธรรมถ้าใครถูกร้อง แล้วท้ายสุดไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ผมว่าเอาไปเอามาก็จะไม่ได้รับการแต่งตั้งกันทั้งหมด เช่น ร้องไปสัก 20 คน คนเหล่านี้จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเลย ถ้าเราคิดอย่างนั้น” นายชูศักดิ์ กล่าว
แน่นอนว่าเมื่อฟังจากทั้ง นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม รวมทั้งฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายชูศักดิ์ แล้วพอจะรู้แล้วว่า การตรวจสอบใกล้แล้วเสร็จแล้ว โดยจะเร่งให้เสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน เพราะหลังจากนั้นยังมีอีกหลายขั้นตอน ที่บางอย่างอยู่นอกเหนือการควบคุม แต่ถึงอย่างไรทุกขั้นตอนต้องแล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยายนนี้แน่นอน เนื่องจากมีผลต่อเงินงบประมาณ และมีผลกระทบต่อการบริหารของรัฐบาลนั่นเอง
ต้องไม่ลืมว่าภายในสิ้นเดือนกันยายน เป็นการสิ้นปีงบประมาณ 2567 และจะเข้าสู่ปีงบประมาณปี 2568 ซึ่งหากรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทัน มันก็จะมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2567 จำนวน 122,000 ล้านบาท ที่รัฐบาลตั้งใจมาใช้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต สำหรับจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง จำนวน 14 ล้านคน เป็นการนำร่องไปก่อน
ดังนั้น นี่คือแรงกระตุ้นที่ทำให้ต้องมีการเร่งคลอดคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ แม้ว่าจะต้องการตรวจสอบคุณสมบัติของรัฐมนตรีไม่ให้มีปัญหาซ้ำรอยก็ตาม โดยทุกกระบวนการต้องไม่เกินสิ้นเดือนกันยายน แน่นอน
แม้ว่าตามข่าวบอกว่ามีรัฐมนตรีหลายคน หรือ นับสิบคนที่มีปัญหาน่าสงสัยก็ตาม แต่เชื่อว่าต้องเสร็จสิ้นชัดเจนภายในวันที่ 15 กันยายนนี้
เมื่อทุกอย่างเป็นไฟต์บังคับแบบนี้ มันก็ต้องเร่งมือให้ทันการณ์ โดยเฉพาะเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับโครงการสำคัญของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เช่น โครงการ “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่ต้องเร่งดำเนินการตามวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 67 ที่ผ่านสภาจำนวน 1.22 แสนล้านบาท และเวลานี้ก็มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลบังคับใช้แล้ว
ดังนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ทุกอย่างก็ต้องไปต่อ รอไม่ได้แล้ว เพราะเวลากระชั้นเข้ามาทุกที จะเรียกว่า “ไปตายเอาดาบหน้า” ก็คงจะไม่ผิดนัก โดยจะยึดเรื่อง “คดียังไม่สิ้นสุด” ถือว่ายังไม่ผิด โดยตั้งเป็นรัฐมนตรีไปก่อน ส่วนเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ที่ถูกตีความอย่างกว้างนั้น ค่อยมาว่ากันภายหลัง เพราะงานใหญ่อย่าง “ดิจิทัล วอลเล็ต” ล็อตแรกมันจ่อคออยู่แล้ว !!