“ธนพร” ฟันธง 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีนายกฯ รอด 3 หมื่นล้านเปอร์เซ็นต์ ส่วนการปรับ ครม.จะยังเป็นสไตล์นายใหญ่ เชื่อ “สุทิน-เกรียง” หลุดเก้าอี้รัฐมนตรี เหตุยังไม่ลาออกจาก ส.ส.น่าจะกลับเข้าไปทำงานสภา ส่วนเก้ากี้รอง ปธ.สภา คนที่ 1 เป็นของภูมิใจไทยแน่นอน
วันนี้ (10 ส.ค.) รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผู้อำนวยการสถาบันวิเคราะห์การเมือง กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 40 สว.ยื่นถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากการแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายกฯ ได้ไปต่อ 3 หมื่นล้านเปอร์เซ็นต์ เพราะวันนี้จูบปากกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว จึงสามารถรุมกระทืบสั่งยุบพรรคก้าวไกลได้ และวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ขั้วอำนาจเดิมจะสามารถไปต่อได้
ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นสไตล์ของนายใหญ่อยู่แล้ว ทั้ง นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ฟันธงได้เลยว่าจะหลุดจากการเป็นรัฐมนตรี เพราะแกนนำคนอื่นลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อหมดแล้ว ยกเว้น นายสุทิน และ นายเกรียง จึงยืนยันได้ว่า พร้อมจะกลับไปทำงานที่สภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น การที่พรรคเพื่อไทยส่งสัญญาณแบบนี้ แสดงว่า พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องปรับ ครม.ด้วย
ส่วนการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะต้องเป็นคนของพรรคภูมิใจไทยแน่นอน ไม่ว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ต้องการอะไร พรรคเพื่อไทย จะกล้าขัดหรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยกล้าขัดคงต้องเจอองค์กรอิสระสีน้ำเงินแน่ มองว่า การเมืองช่วงนี้พรรคภูมิใจไทยแฮปปี้ที่สุดเหมือน “เนขี่นาย และหนูขี่นิด” จะเอาอะไรก็ได้ทั้งนั้น
ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะส่งใครชิงเก้าอี้รองประธานสภา นั้น เท่าที่ทราบทั้ง นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง และนายโสภณ ซารัมย์ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ก็เหมาะสม แต่หากจะตอบโจทย์พรรคที่จะให้คนรุ่นใหม่มาบริหารพรรคต่อ คงต้องเป็นนายภราดร