นายกฯ ตอบกระทู้ ยกระดับสนามบินทั่วประเทศ กระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรอง ดันไทยเป็น HUB การบินระดับภูมิภาค ไม่มองเพื่อนบ้านเป็นคู่แข่ง แต่เราช่วยเหลือกัน ชี้ เป็นหน้าที่รัฐบาล ย้ำ เดินหน้า “วีซ่าเชงเก้น” คุยผู้นำ EU อำนวยความสะดวกให้ประชาชน
วันนี้ (8 ก.พ.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นตอบกระทู้ถามสดของ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ถึงเรื่องปัญหาการท่องเที่ยวและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ว่า รัฐบาลนี้ ลงทุนไปมากในเรื่องต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน และมี Long Term benefit (ผลประโยชน์ระยะยาว) ที่ชัดเจนที่สุด เพราะประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่ดีมาก ไม่ใช่แค่ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน และกรุงเทพฯ เท่านั้น ซึ่งยังมีเมืองรองที่เป็นเมืองสำคัญที่จะสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวกระจายตัวไปยังเมืองรอง เพื่อกระจายรายได้ ซึ่งเรื่องนี้ มีการขับเคลื่อนผ่าน Soft Power ในการที่จะจัดเทศกาลต่างๆ ตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่ฤดูการท่องเที่ยวในช่วงธันวาคม มกราคม เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ รัฐบาลเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเมืองรองได้ แต่การคมนาคมก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่ง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้พูดไปถึงเรื่องการคมนาคม และการขนส่งในต่างจังหวัด ซึ่งตนก็ขอเพิ่มเติมเรื่องการยกระดับสนามบินทั่วประเทศ โดยขอเพิ่มเติมก่อนที่จะมีการแถลงข่าวใหญ่ ในต้นเดือนหน้า ว่า รัฐบาลมีแผนที่จะอัปเกรดสนามบินทั่วประเทศ รวมถึงเมืองรอง ที่จะต้องไปดูให้เกิดความเหมาะสม ว่า จะสามารถยกระดับเป็นสนามบินนานาชาติได้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ในวงประชุมเล็กของอาเซียน ซึ่ง นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมหารือ CLMV (กัมพูชา-ลาว-พม่า-เวียดนาม) รวมถึงประเทศมาเลเซีย และ บรูไน ให้มีการพูดคุยกัน ว่า เรามี 6 ประเทศ 1 destination เรื่องการเข้าออกให้สามารถเดินทางมาที่ประเทศไทยและไม่ต้องขอวีซ่าในประเทศดังกล่าว สามารถเดินทางไปต่อได้ ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายเรื่อง “เชงเก้นวีซ่า” เพื่อการเข้าออกและการคมนาคมที่ดีเชื่อมต่อกัน ผ่านการคมนาคมของเราเป็นไปด้วยดี การท่องเที่ยวก็จะพัฒนาขึ้นเช่นกัน ยืนยันว่า ประเทศเพื่อนบ้านเราไม่ได้เป็นคู่แข่ง แต่มองว่า เป็นการมาเสริมซึ่งกันและกัน และประเทศไทย เป็น Hub ของการบินที่ดีที่สุดในภูมิภาคนี้ และถือว่าได้เปรียบ และจะมีการสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อนบ้านด้วย และในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ในเรื่องของวีซ่าฟรีของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ไทย และ จีน เป็นการถาวร ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี และเป็นเรื่องที่เราไม่หยุดยั้ง
นอกจากนี้ ในช่วงที่ตนเดินทางไปสหพันธรัฐสวิส ก็ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีของสวิส และนายกรัฐมนตรีเบลเยียม รวมถึงประธานรัฐสภาของสหภาพยุโรป (EU) โดยได้คุยของเรื่องขอยกเว้น “เชงเก้นวีซ่า” ให้กับคนไทย ที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่จะอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ จะทำให้มีการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
นายกฯ ยืนยันว่า ไม่ได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดใหญ่เพียงอย่างเดียว เพราะตนเองก็ได้เดินทางไปทั่วประเทศไทย เข้าใจถึง วัฒนธรรม และสิ่งดีๆ ที่เมืองรองสามารถนำเสนอให้กับนักท่องเที่ยวได้ โดยปลายเดือนนี้ ก็จะลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อดูเรื่องของวัฒนธรรม อาหารการกิน มีอะไรบ้างที่รัฐบาลสามารถสนับสนุนสร้างโอกาสพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้ แต่ทั้งหมดยังเป็นยังมีการบ้านที่ต้องทำต่อ เพื่อปรับปรุงให้ดีที่สุด