รมช.คลัง ยืนยันแจกเงินหมื่นผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ยังคงเป้าหมาย 50 ล้านคน ไม่ลดขนาด แต่ตั้งงบไว้ที่ 4.5 แสนล้าน เพราะคาดว่ามีผู้ลงทะเบียนสูงสุด 90% ย้ำ ใช้เงินจากงบฯ ปี 67-68 ไม่ต้องใช้ ม.28 ดึงเงินจากรัฐวิสาหกิจ มอบ ก.พาณิชย์ พิจารณาสินค้าอาวุธปืนจะให้ร่วมหรือไม่ พร้อมตัดสิทธิร้านค้าหรือบุคคลเคยทำผิดเงื่อนไขโครงการรัฐในอดีต
วันนี้ (15 ก.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต มีมติเห็นชอบโครงสร้างแหล่งที่มาของเงินใหม่ ซึ่งสาเหตุที่มีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานที่ตรวจสอบ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ลดขนาดโครงการยังคงเป็น 50 ล้านคนเหมือนเดิม แต่เมื่อดูจากโครงการในอดีตของรัฐ ไม่มีโครงการไหนที่มีผู้ลงทะเบียนเกินกว่า 90% จึงตั้งงบประมาณไว้ 45 ล้านคน หรือตั้งงบรองรับไว้ประมาณ 4.5 แสนล้านบาท แต่หากมีคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า จะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณเพื่อให้มีงบประมาณเพียงพอกับโครงการนี้
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า จากการพิจารณาแล้วเห็นว่า มีความจำเป็นต้องเตรียมงบประมาณน้อยลง ประกอบกับมีข้อห่วงใยกับการใช้มาตรา 28 และขณะนี้ใกล้สิ้นปีงบประมาณ 67 เริ่มเห็นความชัดเจนของตัวเงิน ทางกระทรวงการคลังและสำนักงาน ได้หารือกัน นำเสนอโครงสร้างกรอบวงเงินใหม่ ซึ่งที่ประชุมให้ความเห็นชอบ ไม่มีการใช้มาตรา 28 โดยจะใช้จากแหล่งเงินงบประมาณ 67 และงบประมาณ 68 โดยมีงบประมาณเพียงพอและดำเนินการได้ภายในกรอบงบประมาณ
นายจุลพันธ์ ชี้แจงแหล่งที่มาของเงิน ประกอบด้วย งบประมาณ 67 มาจากงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท ซึ่งจะเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวันพรุ่งนี้ (15 ก.ค.) และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณอีก 4.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นงบกลางได้ แต่ไม่ใช่เพียงส่วนเดียว
นอกจากนี้ ใช้งบประมาณ 68 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท และงบประมาณในการบริหารจัดการทางการคลังและการบริหารงบประมาณของปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท โดยยืนยันว่า สามารถบริหารจัดการงบประมาณ 68 ในกรอบที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณที่ผูกพันไม่ทัน หรืองบประมาณที่ใช้ยังไม่สำเร็จ และกลไกบริหารงานงบประมาณค่อนข้างหลากหลาย โดยยืนยันว่า งบประมาณที่จัดสรรยังถือว่าสามารถทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจได้
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในส่วนของการเปิดลงทะเบียนจะมีการชี้แจงในวันที่ 24 ก.ค.นี้ วันนี้ที่ประชุมมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับไปกำหนดรายละเอียดวันเริ่มลงทะเบียนที่ชัดเจนอีกครั้ง ส่วนการทำงานด้านตัวระบบลงทะเบียนมีความคืบหน้าในระดับที่น่าพอใจ สำหรับไทม์ไลน์ของโครงการ จะมีการนำเสนอ ครม.ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้มอบให้กระทรวงพาณิชย์สามารถกำหนดสินค้าที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ หรือ Negative List ไม่ว่าจะเพิ่มเติมหรือปรับลดได้หากมีความจำเป็นตามสถานการณ์ต่อไป แต่ต้องมีการเสนอที่ประชุมอนุกรรมการกำกับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้ง
“วันนี้มีข้อเสนอจากทางบางส่วนงาน ยกตัวอย่างที่ยังไม่ได้คุยกัน เช่น สินค้าอาวุธปืน ยุทโธปกรณ์ ยังไม่ได้คิดกันในอนุกำกับฯ ก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มต้องพิจารณา เราก็รับข้อเสนอให้กระทรวงพาณิชย์ไปดูและนำเสนอคณะกรรมการต่อไป” นายจุลพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้มีการพิจารณาตัดสิทธิกลุ่มบุคคลและร้านค้าที่เคยทำผิดเงื่อนไขโครงการของรัฐในอดีต หรือมีการฟ้องร้องเรียกเงินคืนในอดีต จำนวนหลายหมื่นราย