“มนพร” ยัน รัฐบาลไม่ทิ้งประชาชนที่รับผลกระทบจากแลนด์บริดจ์ พร้อมเยียวยาแน่ หลังเวนคืนที่ดินทั้งมี-ไม่มีเอกสารสิทธิอย่างเหมาะสม พร้อมรับฟังมาทำเป็นมาตรการต่อไป
วันนี้ (4 ก.ค.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร น.ส.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ถามกระทู้สดด้วยวาจากับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีแลนด์บริดจ์ ว่า เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ ในประเด็นของการรับฟังปัญหาประชาชน การเปิดเผยข้อมูล และการสร้างความรู้ความเข้าใจกับคนในพื้นที่ในอนาคตเป็นอย่างไร รวมถึงความเป็นไปได้ของโครงการ และปัญหาความไม่เข้าใจของการใช้พื้นที่กับประชาชนที่ครั้งแรก เมื่อโครงการแลนด์บริดจ์ได้เริ่มต้น กระทรวงคมนาคม ได้แก้ไขไปถึงไหนและอย่างไร
ด้าน นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงคมนาคม ชี้แจงแทนว่า เรื่องความไม่เข้าใจของพื้นที่และอุปสรรคในการดำเนินการของโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งต้องยอมรับว่า เมื่อมีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้น ย่อมมีผลกระทบต่อประชาชนเช่นเดียวกับโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งชาวประมง เกษตรกรรม และเรื่องที่พี่น้องประชาชนถูกเวนคืนที่ดินที่จะขาดรายได้ โดยรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และได้เตรียมการแก้ไขปัญหา เช่น กลุ่มอาชีพประมง โดยทางรัฐบาลจะเยียวยาในการส่งเสริมอาชีพทั้งเรื่องพัฒนาอาชีพอื่น แปรรูปสินค้าทางทะเล รวมถึงมีแนวคิดการชดเชยรายได้ที่จะมีการตั้งกองทุนขึ้นมา เพื่อเยียวยาที่เขาได้สูญเสียอาชีพเหล่านั้น
นางมนพร กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น เอกชนที่จะมาลงทุนในโครงการดังกล่าวจะเป็นผู้ใส่เงินในกองทุน เพื่อไม่ต้องใช้งบประมาณของภาครัฐแต่อย่างใด ส่วนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน เราจะมีการชดเชยเยียวยาให้ทั้งที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ และไม่มีเอกสารสิทธิ อย่างเหมาะสม เป็นธรรมให้กับประชาชนทุกครัวเรือน และประชาชนในพื้นที่ที่ไม่มีสัญชาติ โดยทางนายกฯได้มอบนโยบายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดเรื่องรวบรวมข้อมูล การพิสูจน์สัญชาติ และการมอบสิทธิให้กับคนไทยพลัดถิ่น ในพื้นที่ของพะโต๊ะ ชุมพร เป็นระยะๆ และมีการดำเนินการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนเริ่มโครงการแลนด์บริดจ์ อย่างไรก็ตามกระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการตามแนวทางของรัฐบาลในการดำเนินการด้านการสร้างความรับรู้เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับ ตั้งแต่ ธ.ค. 64 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งมีการรับฟังทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ประเมินรายงานผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม และนำความเห็นของประชาชน ทั้งข้อวิตกต่างๆ มาทำเป็นมาตรการเยียวยาต่อไป