xs
xsm
sm
md
lg

“วันนอร์” เผย สัมพันธ์มาเลย์ชื่นมื่น “อันวาร์-เศรษฐา” จ่อพบกันที่ จชต. เสนอเปิดด่านยะลา-เคดาห์ อีกแห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปธ.สภา เผย สัมพันธ์มาเลเซีย ชื่นมื่น “อันวาร์ อิบราฮิม” เตรียมพบ “เศรษฐา” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เร็วๆ นี้ พร้อมเสนอเปิดด่านชายแดน ที่ ยะลา-เคดาห์ อีกแห่ง หวังพัฒนาเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว

วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ประเทศมาเลเซีย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร นำคณะสมาชิกรัฐสภาไทย เข้าเยี่ยมคาราวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ณ สำนักนายกรัฐมนตรี ปุตาจายา ขณะเดียวกัน ประธานรัฐสภา และยังได้เข้าหารือกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาเลเซีย ที่รัฐสภามาเลเซีย

โดยประธานรัฐสภา เปิดเผยภายหลังการหารือ ว่า การมาเยือนประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับที่ดี ซึ่งจากที่ได้เข้าพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ถือเป็นการไปเยี่ยมคารวะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในฐานะที่เพื่อนเก่ากัน มีอะไรก็พูดกันแบบเพื่อนกัน โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกว่า ท่านกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย พบปะกันมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ชายแดนไทย กับที่กัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นประโยชน์มากทั้งเรื่องที่จะส่งเสริมการลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา โดยเฉพาะเรื่องสำคัญ คือ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกว่า จะช่วยร่วมกับรัฐบาลไทยในการที่จะสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยบริเวณชายแดนไทย

“โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย บอกว่า เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ถ้าเพื่อนบ้านมีความสงบเรียบร้อยเราก็ได้ประโยชน์ด้วย ทั้งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีของไทยอีกครั้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เร็วๆนี้ ซึ่งกำลังหาวันว่างตรงกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ยังบอกอีกว่า ต้องการที่จะพบนายกรัฐมนตรีของไทยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่นด้วย เพราะเห็นว่าถ้าเราได้คุยกันทั้งสองฝ่ายก็จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว

ประธานรัฐสภา กล่าวอีกว่า อันวาร์ อิบราฮิม ยังได้สอบถามตนว่ามีอะไรให้ช่วยบ้าง ซึ่งตนได้เรียนไปว่าเรื่องทั้งหมดคิดว่าท่านกับนายกรัฐมนตรีของไทย ได้คุยกันหมดแล้ว ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การลงทุน และการสร้างความสงบเรียบร้อย แต่สิ่งที่ตนอยากเพิ่มเติมคือ และขอความกรุณาจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย 2 เรื่อง คือ 1. คนไทยที่มาทำงานในมาเลเซียเฉพาะที่มีปัญหา คือ มาทำงานเปิดร้านอาหารต้มยำกุ้ง เด็กเสิร์ฟในร้านอาหาร จำนวนทั้งหมดประมาณ 1 แสนกว่าคน แต่ได้รับใบอนุญาต (วีซ่า) ทำงาน 1 หมื่นกว่าคนเท่านั้น ซึ่งถือว่า 10% อยู่อย่างถูกต้อง แต่อีก 90% ทำงานอย่างไม่ถูกต้อง หากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็จะถูกจับ จึงใช้วีซ่าหลีกเลี่ยง คือ วีซ่านักท่องเที่ยว 1 เดือน ก็ต้องกลับไปทำวีซ่าใหม่ ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลา ซึ่งตนคิดว่าคนเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำงาน และการที่พวกเขามาทำงานในมาเลเซีย เพราะอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมเดียวกัน รวมทั้งอาหารไทยก็เป็นที่นิยมของคนมาเลเซีย จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซียช่วยดูแลกลุ่มคนเหล่านี้ ว่าทำอย่างไรถึงจะอยู่มาเลเซียอย่างถูกต้อง

นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า นายกฯ มาเลเซีย บอกว่า เป็นเรื่องที่ดี และจะหาทางช่วยเหลือ โดยจะพูดคุยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้ดูแลเรื่องการต่อวีซ่าทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่ตนได้พบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียในวันเดียวกัน จึงได้นำเรื่องที่พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาหารือ ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย บอกว่า จะหาทางช่วยเหลือพี่น้องคนไทยที่ทำงานในมาเลเซีย ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนไทยที่เดือดร้อนกว่าแสนคน โดยตนได้บอกไปว่า ประเทศไทยก็ต้องรับภาระคนงานต่างชาติเหมือนกัน ทั้งพม่า ลาว กัมพูชา ที่อยู่ในประเทศไทย ประมาณ 3 ล้านกว่าคน มากกว่าคนไทยไปอยู่มาเลเซีย เราก็จำเป็นต้องอนุญาตให้อยู่ให้วีซ่าสำหรับคนทำงานเก็บค่าวีซ่าไม่แพง เพื่อเป็นประโยชน์ในการตรวจสอบและดูแลความมั่นคงได้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ก็รับปากที่จะดูแลช่วยเหลือดูโดยจะเรียกหน่วยงานต่างๆ มาหาหนทางแก้ไข

ประธานรัฐสภา กล่าวต่อว่า จากการหารือเกี่ยวกับการเปิดด่านชายแดนเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดยะลา กับรัฐเคดาห์ จากเดิมที่มีอยู่หลายแห่ง เพื่อเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียก็จะให้เจ้าหน้าที่มาคุยร่วมกัน ว่าจะเปิดด่านได้เมื่อไหร่

นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวต่อว่า จากที่ตนเดินทางมาเลเซียในครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากพรรคการเมืองต่างๆ ในมาเลเซียอย่างดี ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของมาเลเซีย ที่เข้ามาขอหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการเกษตรของทั้ง 2 ประเทศ เพราะเราต้องการน้ำมันปาล์มจากเขา ส่วนมาเลเซียก็ต้องการพืชผลทางการเกษตรจากเรา รวมถึงต้องการเทคโนโลยีด้านการเพาะปลูกด้วย

ประธานรัฐสภา ยังได้ย้ำถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไทยกับมาเลเซีย ว่า เนื่องจากมาเลเซีย เป็นประเทศที่ไม่มีข้อพิพาท และความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับมาเลเซียค่อนข้างดี และทั้ง 2 ประเทศร่วมกันก่อตั้งอาเซียนมาด้วยกัน รวมทั้งตอนที่มาเลเซีย เผชิญปัญหาลัทธิคอมมิวนิสต์ ประเทศไทยได้ให้ความช่วยเหลือจนเกิดความสงบได้ ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ในระดับประชาชนก็มีความใกล้ชิด เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซีย มาเที่ยวในประเทศไทยจำนวนมาก และหวังว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ในช่วงบ่าย นายวันมูหะมัดนอร์ ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลละฮ์ ยังดีเปอร์ตวน อากง พระองค์ที่ 16 ของมาเลเซีย


กำลังโหลดความคิดเห็น