แกนนำกลุ่มสนับสนุนการใช้ประโยชน์กัญชา ยื่นข้อเรียกร้องนายกฯ ไม่นำกัญชาเป็นยาเสพติด ให้ออก กม.ควบคุมการใช้ ประกาศกร้าว ขอคำตอบที่พอใจ 11 มิ.ย. เวลา 10.00 น. มิเช่นนั้น จะยกระดับการชุมนุม เข้ามาใกล้ชิดทำเนียบมากขึ้น
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล เลขาธิการเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย พร้อมมวลชน สนับสนุนการออกกฎหมายควบคุมการใช้กัญชา ไม่ต้องการให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องไปที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมระบุว่า จะให้เวลารัฐบาลให้คำตอบภายในวันพรุ่งนี้ วันอังคารที่ 11 มิ.ย. 2567 เวลา 10.00 น. มิเช่นนั้น จะยกระดับการชุมนุม
.
“พวกเราจะยกระดับการชุมนุม หากยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาล ตามที่พวกเราได้ยื่นข้อเสนอไป โดยจะย้ายสถานที่ชุมนุมเข้าไปประชิดรั้วทำเนียบรัฐบาลมากขึ้น เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบความต้องการในการใช้ประโยชน์จากกัญชา ทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ และเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ประชาชนเข้าถึงกัญชาในฐานะพืชสมุนไพรไทยที่มีคุณค่า”
.
สำหรับข้อเรียกร้องที่เสนอต่อนายกรัฐมนตรี มีดังนี้ 1. การควบคุมกัญชาจะต้องใช้กฎหมายเฉพาะ หรือพระราชบัญญัติกัญชาจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการควบคุมโดยประมวลกฎหมายยาเสพติด นายกรัฐมนตรีพึงตระหนักว่า การที่พรรคของท่านเอากัญชากลับสู่ยาเสพติดจะทำให้ผู้ที่ผลิตกัญชาจะเหลือเพียงกลุ่มทุนใหญ่ และเมื่อพูดถึงกัญชาทางการแพทย์ภายใต้กฎหมายยาเสพติดประชาชนจะไม่ได้ใช้ยากัญชาหรืออาจใช้ได้แต่ต้องจ่ายในราคาสูงมากเหมือนประสบการณ์ช่วงหนึ่งในประเทศอังกฤษ การนำกัญชาสู่ยาเสพติดจะทำให้คนกลุ่มเดียวควบคุมกัญชาที่มีมูลค่านับแสนล้าน ส่วนการอ้างว่าเมื่อนำกัญชาเข้าสู่ยาเสพติดจะสามารถปกป้องเยาวชนได้ขอให้รัฐบาลสรุปบทเรียนการปกป้องเยาวชนของรัฐบาลภายใต้วิธีคิดแบบเดิมสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
.
2. หากรัฐบาลยังไม่ยอมรับในการควบคุมกัญชาด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติ ขอให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชนและภาครัฐเพื่อสำรวจวิจัยข้อมูลในมิติต่างๆ เกี่ยวกับกัญชา โดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์จำนวน 2 ชุด มากำหนดสถานะของกัญชา ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเลิกตั้งธงว่ากัญชาต้องควบคุมโดยกฎหมายยาเสพติด
ชุดที่ 1 ข้อมูลเปรียบเทียบในประเด็นข้อดี-ข้อเสีย ระหว่างกัญชากับสิ่งที่รัฐบาลอนุญาตให้ประชาชนเข้าถึงแบบง่ายดาย คือ บุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมีลักษณะที่จะต้องพิสูจน์ คือ ข้อดีและข้อเสียต่อร่างกาย ข้อดีและข้อเสียต่อสังคมและคุณสมบัติในการรักษาโรค หากปรากฏว่า คุณสมบัติทั้งสามประการของกัญชาไม่ได้ร้ายแรงกว่าสุราและบุหรี่ ก็ต้องควบคุมกัญชาโดยกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ
ชุดที่ 2 ให้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาคประชาชน ภาครัฐ เพื่อสำรวจวิจัยชุดข้อมูลว่าด้วยผลที่เกิดขึ้นจากการปลดล็อกกัญชา 2 ปี หากผลการวิจัยพบว่ากัญชาก่อประโยชน์มากกว่า และข้อเสีย สามารถออกกฎหมายควบคุมได้ก็ให้นำกัญชาไปควบคุมโดยกฎหมายในระดับพระราชบัญญัติ