xs
xsm
sm
md
lg

“สมชาย” แฉฮั้ว ให้นำแบบ สว.3 เข้าคูหาเหมือนพกโพยเข้าห้องสอบ ระบุ 2 ส.ส.พรรคใหญ่ในอีสานจัดเลี้ยงก่อนวันเลือก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ส.ว.สมชาย” แฉขบวนการฮั้วเลือก ส.ว.ใหม่ ชี้ให้นำ สว.3 เข้าคูหา เหมือนพกโพยเข้าห้องสอบ มีซ้อมกาในเซฟเฮาส์ ระบุ 2 ส.ส.พรรคใหญ่ในอีสาน จัดเลี้ยงผู้สมัครก่อนวันเลือก แนะจับตาเลือกรอบระดับ จว.จะเห็นชัดมีฮั้วบล็อกโหวตหรือไม่ เชื่อ หาก กกต.ทำหน้าที่ของตัวเอง ต้องเจอทุจริตแน่นอน




วันนี้ (10 มิ.ย.) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการเลือก ส.ว.ระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ตนยืนยันว่า มีขบวนการขนคนไปสมัคร ส.ว. ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หลักฐานปรากฏได้จากการตรวจลงคะแนนทุกอำเภอทุกกุล่ม ซึ่งจะพบว่ามีคนได้คะแนน 0 คะแนนเยอะมาก ซึ่งช่องว่างเกิดจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งการได้มาของ ส.ว. ที่บอกว่า ผู้สมัครเลือกตัวเองก็ได้ไม่เลือกตัวเองก็ได้ จึงทำให้เกิดขบวนการขนคน คน 25,000 คน ที่คาดการณ์ว่า ขนมาเพื่อใช้จ้างวาน เกณฑ์มาเลือก ได้กระทำการเต็มที่แล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระดับอำเภอ ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และประสบการณ์ 10 ปี จริง ปล่อยให้ประกาศ กกต.ว่า ลักษณะอื่นทำนองเดียวกัน เข้ามาสมัครได้ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็น ส.ว. ได้กระทำการสำเร็จคือเป็นผู้มาเลือก ส.ว. ซึ่งทำให้ได้คะแนนที่ออกมาบิดเบี้ยว ในบางกลุ่มจังหวัด ก็จะเห็นประมาณ 5 คะแนน มี 3-4 คน ที่เกาะเป็นกลุ่ม บางกลุ่ม 8-10 คะแนน ซึ่งชัดเจน ดังนั้น กฎหมายที่เปิดช่องว่าง คือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในอนาคต รวมถึงประกาศ กกต. ที่ทำให้สามารถกระจายกลุ่มคนรับจ้าง หรือที่จัดตั้งมา ไปอยู่ในกลุ่มต่างๆ เพื่อโหวตตรงและโหวตไขว้ได้ และที่สำคัญคือนอกจากการไม่ตรวจ ประสบการณที่รับรองกันเอง ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเท็จเยอะมาก เช่น ทำอาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง ทำนา เลี้ยงไก่ หรือกลุ่มศิลปะเหล่านี้เมื่อเลือกเสร็จก็กลับบ้าน โดย กกต.ไม่มีการตามติดต่อภายหลัง ซึ่งผิดวิสัยของการจตรวจสอบทุจริต

นายสมชาย กล่าวว่า สิ่งที่น่าจะทำให้การเลือกมีปัญหาคือการอนุมัติให้นำเอกสารที่เรียกว่า สว.3 เข้าคูหา หมายความว่าเอาโพยเข้าห้องสอบได้ ซึ่งตนทราบว่ามีการซ้อมกาหมายเลขต่างๆ ในเซฟเฮาส์ก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือก ส.ว. และนำเอกสารที่ซ้อมกาหมายเลขไว้ เข้าคูหาด้วย ซึ่งสามารถไปดูกล้องวงจรปิดได้ทุกอำเภอว่ามีบุคคลนำเอกสารเข้าคูหา อย่าลืมว่าในอดีต กกต.เคยมีคดีหันคูหาให้สื่อมวลชนถ่ายวิดีโอมาแล้ว ดังนั้น ตนจึงคิดว่ากระบวนการเลือก ส.ว.ขั้นที่ 1 น่าจะมีปัญหา ส่วนบุคคลที่รับจ้างมาหายไปแล้ว 2 หมื่นกว่าคน ก็ไม่ได้หมายความว่าบุคคลที่เหลืออยู่จะฮั้วหมด อาจจะมีการหลุดรอดออกมาได้ ดังนั้น ต้องจับตาต่อในการเลือกระดับจังหวัด ซึ่งจะปรากฏเห็นชัดขึ้นว่าจะมีการฮั้วบล็อกโหวตหรือไม่ ซึ่งตรงนี้กลุ่มการเมืองและกลุ่มที่จัดตั้งเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ และเมื่อถึงระดับประเทศ ก็จะถึงบางอ้อเองว่า คนที่ได้ ส.ว.มาอย่างไร ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาคนที่มาด้วยความบริสุทธิ์ แต่ยืนยันว่า ถ้าไม่ได้เกณฑ์หรือจัดตั้งมา ก็น้อยคนที่ขะเข้ามาได้

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า มีหลักฐานการนำโพยเข้าคูหาได้มาอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า มีคนส่งตัวอย่างมาให้ดูว่าเขาไปซ้อมกันที่ไหน เป็นรูปให้กาหมายเลข 3 หมายเลข 6 ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับ กกต.ที่มีหน่วยสืบสวนสอบสวนทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบว่าจุดอ่อน คือไม่พบว่ามีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ และปล่อยให้เข้ามา ซึ่งในทางการข่าวถ้าจะจับคนร้ายต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นทาง ต้องสืบไปที่หมู่บ้านและตำบล ว่ามีการขนคนเก็บบัตรประชาชน ออกใบรับรองแพทย์โดยที่ไม่ได้ตรวจหรือไม่ ซึ่งรูปถ่ายก็เห็นว่าเป็นกระบวนการ แต่ กกต.บอกว่า ไม่พบกระทำความผิด ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้ตรวจจะเห็นอย่างไร โดยตนจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการ

เมื่อถามย้ำว่า หลักฐานที่ได้มาสามารถเอาไปร้องได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ร้อง ซึ่งปัญหาขณะนี้ ผู้ร้องมีสิทธิร้องใคร ถ้าพบการทุจริตผู้มีสิทธิร้อง คือ ผอ.กกต.อำเภอ แต่ ผอ.กกต.อำเภอ ปล่อยออกมาหมด ทั้งที่กระบวนการทุจริต มีตั้งแต่ก่อนสมัคร ที่ปล่อยให้ขบวนการจับจ้าง 2 หมื่นกว่าคน ขนปิกอัพใส่สูทปลอม บัตรตรวจสุขภาพปลอม มีการจัดจ้างเข้ามาตั้งแต่ระดับอำเภอ เช่น ที่ จ.มุกดาหาร มีหมอไปร้องว่า อสม.ไม่มีสิทธิสมัคร แต่ศาลบอกว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจ ซึ่งก็ใช่ เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่าผู้ร้อง คือ ผอ.การเลือกตั้ง

นายสมชาย กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีผู้ร้องว่าบางจังหวัดในภาคอีสาน มีการจัดเลี้ยงก่อนลงสมัคร ซึ่งเรื่องนี้มีการส่งให้ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว และร้องมาที่ผมด้วย ว่า มี ส.ส. 2 คน ได้จัดงานเลี้ยงผู้สมัคร ส.ว.ซึ่งทราบว่า เป็น ส.ส.พรรคการเมืองใหญ่ เพราะถ้าไม่ใหญ่ไม่กล้าทำ ใหญ่ทั้งแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้ประธานรัฐสภา เอาจริงในการตรวจสอบก็จะนำไปสู่การผิดจริยธรรมของ ส.ส. และอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคได้

“เราคงไปเบรกการกระทำอะไรไม่ได้ เรามีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจไป ใครทำทุจริต วันหน้าก็ต้องรับคดีความไป และคงจะเห็นภาพชัดเจนว่า การเลือก ส.ว. ที่เราประสงค์ จะทำให้มี ส.ว.ที่ดีทั้ง 20 กลุ่ม เกิดโมฆียะตั้งแต่ต้นแล้ว และตนเชื่อว่า ไปต่อยาก และถ้า กกต.ทำหน้าที่ของตัวเองสัก 90% ก็เจอแล้ว ขนาดผมทำหน้าที่ กมธ. แค่ กมธ.ยังเจอเลย แต่ กกต.แถลงแค่ว่าเรียบร้อย แล้วเรียบร้อยใคร เรียบร้อยโรงเรียนวัวเท่านั้น” นายสมชาย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น