ศาล รธน.มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องปมเพื่อไทยอ้างนโยบายเงินหมื่นดิจิตอล-ทักษิณชี้นำพรรค-นายกทำตัวเป็นสื่อ-ตั้งบุคคลขาดคุณสมบัตินั่ง รมต.เข้าข่ายใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ชี้แค่ความเห็นต่างของผู้ร้อง ข้อเท็จจริง-หลักฐานยังไกลเกิน
วันนี้(29พ.ค)ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่นายคงเดชา ชัยรัตน์ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า การกระทำของพรรคเพื่อไทย ที่นำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้ในการ หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ทำให้คะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ได้มาจากเจตจำนงที่แท้จริงของประชาชน เป็นการกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และการมีพฤติการณ์ยินยอม ให้นายทักษิณ ชินวัตร ชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง ทำให้การใช้เสรีภาพในการจัดตั้งพรรคการเมือง ไม่เป็นไปตามกฎหมาย การกระทำของคณะรัฐมนตรี ที่นำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม ต่อบุคคล ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ การกระทำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่ให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องครบถ้วนแก่ประชาชน กระทำการเป็น สื่อมวลชนประเภทสื่อออนไลน์ อันเป็นลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี และมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการแต่งตั้งบุคคล ที่ขาดคุณสมบัติเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม และการกระทำของนายทักษิณ ชินวัตร ที่อาจเป็นการชี้นำกิจกรรมของพรรคเพื่อไทยขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพทางการเมืองเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง
โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติม และเอกสารประกอบ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ และยังไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็น ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้งหมดกระทำการใด ๆ ที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง คำร้องเป็นเพียงการแสดงความเห็นต่าง ของผู้ร้องเท่านั้น