xs
xsm
sm
md
lg

“มาริษ” เตรียมเยือนกัมพูชาถกรื้อสันเขื่อนฮุบเกาะกูด โวความสัมพันธ์ดีมาก แต่จะขออะไรต้องมีของแลกเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.ต่างประเทศ เตรียมเยือนกัมพูชา ถกรื้อสันเขื่อนใกล้ชายแดน จ.ตราด เขมรสร้างยื่นลงทะเล ส่งผลแนวเขตแดนเปลี่ยนจนไทยอาจเสียเกาะกูด โวความสัมพันธ์สองชาติดีมาก เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ไปขอเขาอย่างเดียว ต้องมีของแลกเปลี่ยน ส่วน MOU44 ไม่ถือเป็นสนธิสัญญา ไม่มีผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อน

วันนี้ (28 พ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายมาริษ​ เสงี่ยม​พงษ์​ รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวงการ​ต่างประเทศ​ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ​นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะนักกฎหมายอิสระ ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า บันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและกัมพูชาว่าด้วยการอ้างสิทธิพื้นที่ทับซ้อนบริเวณไหล่ทวีป พ.ศ. 2544 (MOU 2544) ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ หลังพบ MOU ดังกล่าวไม่ได้ผ่านการพิจารณาของสภา​ ว่า​ ยืนยันว่า MOU ไม่ได้มีบทบังคับอะไร หรือเป็นสนธิสัญญา และปัจจุบันเรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันเลย ซึ่งประเด็นดังกล่าวก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด พร้อมยืนยันว่า MOU 2544 ไม่ได้ส่งผลต่อเขตแดนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา

นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ภายหลังจาก นายฮุน​ มาเนต​ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาเยือนไทย ยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการ​ร่วมเพื่อผลักดันเรื่องนี้​ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เราต้องพิจารณาให้ชัดเจน​ เรื่องผลประโยชน์​อยู่ตรงไหน​ และที่สำคัญ ตนกำลังหารือเป็นการภายในกระทรวงการต่างประเทศ​ เพื่อเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่าง​ โดยอยากให้กระทรวงการต่างประเ​ทศได้ชี้แจงและให้ความรู้กับ​ประชาชน​ ขอเวลาพูดคุยรายละเอียด​ให้เรียบร้อยก่อน​ ซึ่งตนตั้งใจที่จะให้ข้อมูลต่อสารธารณชนให้ได้มากที่สุด​ ไม่เช่นนั้นจะเกิดความสับสน​

ส่วนที่ทางกระทรวงกลาโหม เคยทำหนังสือเสนอรัฐบาล​ให้แบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่​ทับซ้อนควบคู่กับการปักปันเขตแดน​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ขอคุยรายละเอียด​ในกระทรวงการต่างประเทศก่อน​ ต้องดูว่าทุกสิ่งทุกอย่าง​เป็นไปตาม​กฎหมายหรือไม่​ และต้องการให้ทุกคนเห็นชัดเจนว่าอะไรเป็นอะไร​

เมื่อถามว่า กระทรวงการต่างประเทศ เคยทำหนังสือ​ประท้วงกรณีที่ทางกัมพูชาสร้างสันเขื่อนลงทะเลอ่าวไทยเมื่อปี 2564 จะ​ต้องทำหนังสือ​ประท้วงไปอีกครั้งหรือไม่​ นายมาริษ​ กล่าวว่า​ เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้ และตนมีแผนที่จะไปเยือนกัมพูชา เร็วๆ นี้ ซึ่งขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศดีมาก เราต้องดูเวลาว่าควรเป็นช่วงใด ซึ่งในกรอบของอาเซียน ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกประเทศ

เมื่อถามว่า จะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีกับกัมพูชาขอร้องให้รื้อสันเขื่อนดังกล่าวหรือไม่ นายมาริษ​ กล่าวว่า ขอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เพราะเรื่องความสัมพันธ์ไม่มีปัญหา เป็นเพื่อนกัน ไม่ใช่ว่าจะไปขอเขาอย่างเดียว ก็ต้องดูว่าเรามีอะไรที่จะไปแลกเปลี่ยนเขาได้​

เมื่อถามว่า คนไทยไม่สบายใจเพราะหลังจากกัมพูชาสร้างสันเขื่อนดังกล่าวหากยึดตามหลักเขตที่ 73 เขตแดน กัมพูชาจะกินพื้นที่เกาะกูด​ จ.ตราด นายมาริษ​ กล่าวว่า​ ตนเข้าใจ


ทั้งนี้ กัมพูชาได้ก่อสร้างสันเขื่อนยื่นตั้งฉากลงไปในทะเลใกล้หลักเขตที่ 73 ติดกับบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด โดยอ้างว่า เพื่อป้องกันคลื่นจากทะเล แต่เขื่อนดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคต เนื่องจากกติกาเขตทะเลของสหประชาชาติ ปี 1982 ข้อ 11 ซึ่งระบุว่า สิ่งก่อสร้างถาวรตอนนอกสุดของเขตท่า ซึ่งประกอบเป็นส่วนอันแยกออกมิได้ของระบบการท่านั้น ให้ถือว่าประกอบเป็นส่วนของฝั่งทะเล ดังนั้น การมีสันเขื่อนนี้ยื่นตั้งฉากลงไปในทะเลดังกล่าว จะทำให้องศาของเส้นแบ่งอาณาเขตเปลี่ยนไป ทำให้กัมพูชาสามารถอ้างเขตแดนทางทะเลได้กว้างขึ้น หากมีการลากเส้นเขตแดนตามกติกาดังกล่าวเกาะกูดจะกลายเป็นของกัมพูชาทันที

ข่าวเกี่ยวเนื่อง
-ไทยเสี่ยงเสียดินแดนทางทะเล “ธีระชัย” แนะรัฐบาลประท้วงกัมพูชาด่วน
-เตือนไทยมัวเงียบ เสียดินแดนซ้ำรอยปราสาทพระวิหาร เร่งประท้วงกัมพูชารื้อแนวสันเขื่อน-ยกเลิก MOU 2544 เจรจาตามกติกาใหม่ยูเอ็น



กำลังโหลดความคิดเห็น