ร่างควบคุมน้ำเมาผ่านวาระแรก “รักชนก” วอนเลิกกระมิดกระเมี้ยนมองเป็นของต้องยี๊ แนะช่วยกันระเบิดมูลค่าทาง ศก.ให้ผู้ประกอบการตัวเล็กได้ส่วนแบ่งเท่าเทียม อัดร่าง ครม.ครอบจักรวาล สกัดไม่ให้เกิด ประชาชาติ ค้านขัดอัลกุรอาน ติงเสรีเกินขอบเขต ห่วงแต่รายได้จนลืมปัญหาสังคม “ชลน่าน” เร่งพิจารณาเสร็จ ก.ค.
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จำนวน 5 ฉบับ โดยสมาชิกส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับสาระของร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว
น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ของ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล โดยกล่าวว่า อันดับแรกตนว่าสภาต้องเลิกกระมิดกระเมี้ยน กัน ก่อน
”เราต้องมีมาตรการควบคุมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ แต่ต้องเลิกมองว่าเหล้าเบียร์เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ต้องต่อต้าน เลิกทำราวกับว่าสิ่งนี้เป็นตัวร้ายตัวเดียวที่สังคมต้องยี๊กัน ดิฉันอยากให้มองในแง่การเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ และขจัดทุนผูกขาดไปด้วย หากอยากแก้ไขปัญหาพืชผลการเกษตรอย่างยั่งยืน ลองเอาลำไย มะม่วง มังคุด ลิ้นจี่ ที่มีวันหมดอายุมาบรรจุใส่ขวดเป็นเหล้า หรือ เบียร์ขาย สามารถยืดได้ทั้งอายุและเพิ่มมูลค่าของพืชผลการเกษตรได้ด้วย”
น.ส.รักชนก กล่าวว่า เราสามารถช่วยกันระเบิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ เอา 5 แสนล้านบาทต่อปี ที่อยู่ในธุรกิจเหล้าเบียร์เหล่านี้ มากระจายให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ให้ทุกคนหารส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน เวลาแก้ปัญหาพืชผลการเกษตร นักการเมืองที่มีทุนทรัพย์ก็หน้าใหญ่ใจบุญควักเงินไปช่วยเป็นครั้งคราว ถ่ายรูปว่าได้ช่วยแล้วสะบัดตูดหนี หรือมาตรการประกันราคาที่มีกันมาตลอด แต่สิ่งที่ยั่งยืน คือ เอามันมาเพิ่มมูลค่า จะมานั่งพูดว่ามันไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ทำเป็นอี๋ ดิฉันว่ามันย้อนแย้ง ยิ่งมาจากพรรคการเมืองที่ส่งเสริมกัญชาเสรี ดิฉันงงว่ากัญชาส่งผลร้ายแรงกว่าสุราอีก ท่านยังไม่ด่าขนาดนี้เลย”
น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า ส่วนร่างของ ครม. มีการควบคุมโฆษณาเพิ่มมากขึ้นไปอีก โดยมาตรา 32 เขียนไว้กว้างครอบจักรวาล เช่น ห้ามโฆษณา ห้ามแสดงชื่อ ห้ามแสดงเครื่องหมายโอ้อวดสรรพคุณ ห้ามจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม หากตีความอย่างนี้ตียังไงก็เข้า ทำเดือดร้อนกันไปหมด ห้ามผู้ใดสนับสนุนงานแอลกอฮอล์ แล้วงานสุราพื้นบ้าน งานเบียร์คราฟต์ของผู้ประกอบการรายย่อยไม่เสียหายตายไปหมดหรือ ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะทำให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ในวงการสุรา เวลาจะเขียนรีวิวอะไรให้สนับสนุนให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก ก็ทำไม่ได้เลย มันเป็นการปิดกั้นโอกาสของผู้จะเติบโตเป็นรายใหม่ในตลาด ที่ผ่านมา ผู้ค้ารายใหม่แทบจะไม่มีโอกาสอยู่แล้ว มาเจอร่างนี้ต้องเอามือก่ายหน้าผาก”
นอกจากนี้ ร่างของ ครม.ยังกำหนดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หากเป็นผู้ผลิตหรือนำเข้า จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้าน หนักกว่าของเก่าที่ปรั บ5 หมื่น นอกจากนี้ ตนยังงงที่ร่างของรัฐบาลกำหนด วันเวลา แล้วยังห้ามบริโภคในสถานที่ขายสุราด้วย อีกทั้งยังเพิ่มอำนาจให้เจ้าพนักงานสามารถเข้าตรวจค้นร้านเหล้าหลังเวลาทำการได้ ทุกวันนี้เรารู้อยู่แล้วว่ามีการเรียกเก็บส่วยกันกระหึ่ม ออกระเบียบแบบนี้มาเปิดช่องให้เรียกเก็บส่วยเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่ ถือเป็นช่องโหว่อันใหญ่มาก
ด้าน นายซูการ์โน มะทา ส.ส. ยะลา พรรคประชาชาติ อภิปรายคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 5 ฉบับ โดยยืนหยัดในอุดมการณ์และจุดยืนของพรรคประชาชาติ ว่า วันนี้ เป็นวันที่ 16 ของเดือนรอมฎอน ซึ่งถือเป็นเดือนของการทำคุณงามความดีของชาวมุสลิมทั่วโลก แต่ในสภากลับมีการรับร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่พรรคประชาชาติ ยืนหยัดว่าเราไม่เห็นด้วย และยังมีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามา 5 ฉบับ เราพยายามมองในมิติรายได้ของประเทศ แต่ไม่ได้มองผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ว่ามีอะไรบ้าง
“ผมพยายามติดตามการทำงานในฐานะ ส.ส. การออกกฎหมายต่างๆ วันนี้เรายึดโยงอยู่กับความเสรี ทุกอย่างต้องเสรี สุราต้องเสรี กัญชาต้องเสรี การพนันต้องเสรี จนกระทั่งสภาพสังคมของประเทศกำลังสู่วิกฤตมีปัญหา”
นายซูการ์โน ระบุว่า สาเหตุที่ตนไม่สามารถรับหลักการได้ เนื่องจากตามหลักศรัทธา และหลักการของชาวมุสลิมแล้ว ร่างทั้ง 5 ฉบับ ขัดกับหลักคัมภีร์อัลกุรอาน ซึ่งเป็นธรรมนูญชีวิตที่คนมุสลิมยึดถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด และตนได้รับหนังสือคัดค้านจากกลุ่มตัวแทนเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาคใต้ตอนล่าง ที่ได้ไปเยี่ยมพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่เห็นด้วยกับร่าง พ.ร.บ.เหล่านี้ และต่างมีข้อกังวลห่วงใยที่สภาจะรับหลักการไป
“เยาวชนมีอายุแค่ 8 ขวบ และส่วนใหญ่เป็นสตรีที่มีความเสี่ยงเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ยิ่งเราไปทำการค้าเสรีสุราต่างๆ ตนเกรงว่า ข้อห่วงใย ว่าทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์เข้าสู่ครอบครัว เพราะถ้าดื่มก็จะขาดสติ และเกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น เมาแล้วขับ ทุกปีเรารณรงค์ถึงผู้เสียชีวิตเท่าไหร่ ประเทศไทย สูญเสียทางเศรษฐกิจจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปี 64 ถึงแสนกว่าล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโรคของผู้ดื่มสุรา ทั้งเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ขาดงาน สูญเสียประสิทธิภาพจากการทำงาน ดังนั้น ตนในฐานะที่เป็นตัวแทนของชาวอิสลาม จึงไม่สามารถรับหลัการร่าง พ.ร.บ. ทั้ง 5 ฉบับนี้ได้
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข สรุปว่า รัฐบาลมีมติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบ ทั้งมิติสุขภาพและเศรษฐกิจ เพื่อเป็นคำตอบว่าอะไรเหมาะสมที่สุด โดยจะเร่งรัดศึกษาให้เสร็จภายใน 3 เดือน หาก กมธ.วิสามัญฯ จะเอาความคิดเห็นหรือผลการศึกษามาประกอบการพิจารณา ก็จะเป็นประโยชน์ คาดว่า หลังจากปิดสภา กมธ.วิสามัญฯ ก็ทำหน้าที่ไป ก่อนที่จะสรุปร่างในเดือน ก.ค.
จากนั้นที่ประชุมมีมติรับหลักการทั้ง 5 ฉบับ ด้วยคะแนน 389 ต่อ 9 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 1 คะแนน ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 42 คน พิจารณาในขั้นตอนต่อไป